บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง กดดันหุ้นไทยปิดตลาดร่วง -16.60 จุด

หุ้นลบ

ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดวันนี้ปรับตัวร่วงทำจุดต่ำสุด -16.60 จุด แตะระดับ  1,660.27 จุด “เอเซีย พลัส” เผย หุ้นกลุ่มเทคฯ-อิเล็กทรอนิกส์ดิ่งหนักสุด  จากความกังวลหลังจากบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐเร่งตัวขึ้น ดึงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ-นโยบายเฟดกลับมาอีกครั้ง 

วันที่ 18 มกราคม 2565 นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นวันนี้ว่าเปิดตลาดช่วงเช้าบวกไปถึง 1,682.53 จุด  (ณ 09.59 น.)  หลังจากนั้นตลาดถูกเทขายลงมาปิดที่ 1,660.27 จุด ปรับตัวลดลง 16.60 จุด หรือ -0.99%  มีมูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่  113,953.45 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นจุดทำกำไร (Take Profit)  ที่ค่อนข้างสูง

โดยปัจจัยที่เข้ามากดดันภาพรวมตลาดให้ร่วงลงมาวันนี้มาจากทางด้านของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) อายุ 10 ปี มีการปรับตัวเร่งขึ้นมาอยู่ที่ 1.85% นับว่าเป็นจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมากังวลเรื่องของเงินเฟ้ออีกครั้ง ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตามมา

ซึ่งกระทบหุ้นเทคโนโลยีทำให้ถูกเทขายร่วงลงมาค่อนข้างหนัก เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มที่คาดหวังการเติบโตในอนาคต เช่น บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF  แม้จะประกาศข่าวดีออกมาแต่เทขายลงมาบางส่วน และหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น บมจ. ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ หรือ HANA  , บมจ. เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ หรือ  KCE  รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีขนาดเล็กก็ถูกเทขายลงมาเช่นกัน

ขณะที่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีของไทยส่วนใหญ่เป็นหุ้นส่งออก ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาในช่วงไตรมาส 4 ไม่ค่อยดีนัก อาจส่งผลให้ตัวเลขภาคส่งออกของไทยที่จะประกาศในวันที่ 21 ม.ค.นี้มีโอกาสที่จะออกมาชะลอตัว

ทั้งนี้ปัจจัยความกังวลดังกล่าวคาดว่ามีโอกาสที่จะกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทย โดยให้กรอบดัชนีสัปดาห์นี้ซึ่งมีแนวรับ 1,658 -1,670 จุด  ถ้าหากหลุดแนวรับแรกที่ 1,558 จุด จะมีแนวรับที่สองที่ 1,640 จุด

แนะนำนักลงทุนมองหาหุ้นที่มีลักษณะของเกาะป้องกันเงินเฟ้อ เช่น หุ้นในกลุ่มธนาคาร, หุ้นประกัน ค่อนข้างที่จะแข็งแรง รวมถึงหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ในระยะหลังเริ่มเห็นถึงการฟื้นตัว เนื่องจากสถานการณ์โอมิครอนค่อนข้างที่จะเบาลงอาจทำให้รัฐบาลมีโอกาสที่จะผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ออกมามากขึ้น  อย่าง มาตรการ Test & Go อาจจะมีลุ้่นที่จะปลดล็อกพื้นที่สีต่าง ๆ ให้เข้มงวดน้อยลง