ตามที่ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) มีกำหนดจะประชุมฉุกเฉินเพื่อลงมติเกี่ยวกับการประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ตามเวลาในสหรัฐ ล่าสุดทรัมป์ออกมาขู่ว่าสหรัฐจะตัดความช่วยเหลือทางด้านการเงินที่สหรัฐให้กับประเทศที่โหวตให้การสนับสนุนข้อมติดังกล่าว
“ประเทศเหล่านั้นรับเงินหลายร้อยล้านหรืออาจจะถึงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐจากเรา แต่กลับจะมาลงมติต่อต้านเรา ก็ปล่อยให้โหวตไป เราจะได้ประหยัดเงินตั้งมากมาย เราไม่สนใจอยู่แล้ว” ทรัมป์กล่าว
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ก่อนหน้านี้นางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ ได้ออกมาเตือนประเทศต่างๆ ว่า ทรัมป์ได้สั่งการให้รายงานว่าประเทศใดโหวตค้านการประกาศรับรองนครเยรูซาเลมของสหรัฐ และยังส่งหนังสือถึงหลายประเทศเพื่อแจ้งให้ทราบว่าประธานาธิบดีทรัมป์และสหรัฐให้ความสำคัญกับการลงมติในครั้งนี้มาก และจะมีการจับตาดูการลงคะแนนเสียงในประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
เฮลีย์อ้างด้วยว่า การประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลของสหรัฐ ไม่ได้ส่งผลกระทบกับสถานะใดๆ ในการเจรจาสันติภาพตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงเขตแดนและอธิปไตยของอิสราเอลในนครเยรูซาเลม ซึ่งสวนทางกับความเชื่อและท่าทีของประเทศในโลกมุสลิม
ด้านนักวิเคราะห์มองว่าคำขู่ของทรัมป์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้สหรัฐโดดเดี่ยวในเวทีระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่าสหรัฐจะสามารถตัดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินจากทุกประเทศโหวตรับรองข้อมติดังกล่าวได้จริงหรือไม่
ทั้งนี้ การโหวตในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก่อนหน้านี้ สมาชิกทั้ง 14 ชาติก็ให้การรับรองข้อมติดังกล่าวทั้งหมด โดยมีเพียงสหรัฐเท่านั้นที่ใช้สิทธิวีโต้จนทำให้ข้อมติตกไป