Dyson เผยผลวิจัยคนไทยเกินครึ่งละเลยจุดเก็บฝุ่นในบ้าน

Dyson

Dyson เปิดเผยผลการสำรวจ และวิจัย Global Dust Study พบคนไทยเกินครึ่งละเลยจุดเก็บฝุ่นในบ้าน

วันที่ 17 พฤษภาคม 2565 Dyson เปิดเผยผลการสำรวจ และวิจัย Global Dust Study ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย โดยสำรวจเจ้าของบ้านกว่า 3 หมื่นคนจาก 33 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเกี่ยวกับนิสัยการทำความสะอาดและความเข้าใจเกี่ยวกับฝุ่นในครัวเรือน รวมถึงผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในบ้าน

โดยผลการสำรวจพบว่าเจ้าของบ้าน 40% ทำความสะอาดบ้านต่อเมื่อพบฝุ่นที่มองเห็นได้ ตรงกับผลสำรวจในประเทศไทยที่พบว่าคนไทย 46% ทำความสะอาดบ้านก็ต่อเมื่อพบฝุ่นที่มองเห็นได้

นางสาวโมนิกา สตูเซน นักจุลชีววิทยา Dyson กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่ผู้คนทำความสะอาดบ้านต่อเมื่อพบฝุ่นเท่านั้น เพราะยังมีฝุ่นขนาดเล็กที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ ฉะนั้นเวลาที่เห็นฝุ่นในบ้านจึงเป็นไปได้สูงที่บ้านจะมีไรฝุ่นเต็มไปหมด

และเมื่อเปรียบเทียบผลสำรวจแบบปีต่อปีจะเห็นถึงการพัฒนาด้านนิสัยการทำความสะอาดจากการที่มีคนจำนวนมากขึ้นที่ดูดฝุ่นบริเวณที่มักถูกละเลย เช่น ฟูกรองนอนหรือโซฟา แต่อีกจำนวนมากหลงลืมจุดเก็บฝุ่นที่สำคัญเหล่านี้ โดยการสำรวจพบว่า 53% ไม่ดูดฝุ่นบริเวณฟูกนอน ขณะที่คน 55% ไม่ได้ดูดฝุ่นบริเวณโซฟา

จากสถานการณ์โรคระบาดทำให้มีอีกปัญหาเพิ่มขึ้น คือ ฝุ่นจากสัตว์เลี้ยง เนื่องจากการกักตัวอยู่ที่บ้านทำให้คนเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น จากการสำรวจพบว่า 57% ของบ้านทั่วโลกมีสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย 1 ตัว โดยในประเทศไทยพบว่า 72% ของครัวเรือนมีสัตว์เลี้ยง นับเป็นประเทศลำดับต้น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเลี้ยงสัตว์

นอกจากนั้นยังพบว่าคนไทย 2 ใน 5 ให้สัตว์เลี้ยงนอนร่วมเตียงเดียวกัน แต่ในทางกลับกันจำนวนเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ตระหนักถึงปัญหาเรื่องฝุ่นจากสัตว์เลี้ยงกลับมีน้อยในระดับน่าเป็นห่วง

4 ใน 5 ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ทราบว่าฝุ่นละอองสะสมไว้บนตัวสัตว์เลี้ยงได้

7 ใน 10 ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ทราบว่าตัวไรฝุ่นอาศัยบนตัวสัตว์เลี้ยงได้

3 ใน 5 ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ทราบว่าไวรัสอาศัยอยู่บนตัวสัตว์เลี้ยงได้

1 ใน 2 ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ทราบว่าแบคทีเรียและสะเก็ดผิวหนังสะสมบนตัวสัตว์เลี้ยงได้

“คนส่วนมากคิดว่าปัญหาจากสัตว์เลี้ยงเกิดจากขน เพราะสังเกตเห็นได้ง่าย จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนไม่ได้ตระหนักถึงฝุ่นหรือละอองอื่น ๆ ที่สะสมบนตัวสัตว์เลี้ยง เพราะขนาดที่เล็กในระดับที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้”

และคนทั่วไปจะคิดว่าอาการแพ้เกิดจากขนสัตว์เลี้ยง แต่ที่จริงเกิดได้จากฝุ่นละอองที่เกิดจากสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง โดยเกือบครึ่งของเจ้าของสัตว์ทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ 3 ใน 5 ใช้แปรงหรือหวีเท่านั้น ซึ่งทำได้เพียงลดขนที่หลุดร่วง แต่ไม่สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็กบนตัวได้ ทำให้สัตว์เลี้ยงยังพาฝุ่นละอองไปยังบริเวณต่างๆ รอบบ้านได้

การวิจัยอย่างเข้มข้นที่ Dyson พบว่าการจัดการกับฝุ่นในบ้านที่ดีที่สุดคือนำออกไปจากบ้าน และจากโครงการ Dyson Global Dust Study เปิดเผยว่าผู้คนคิดว่าเครื่องดูดฝุ่นเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการกำจัดฝุ่นแต่กลับพบว่าคนไทยใช้ไม้กวาดกับไม้ถูเป็นอันดับต้น ๆ ที่ 68% ขณะที่ใช้เครื่องดูดฝุ่น 47% เท่านั้น

และการถูด้วยผ้าเปียกเป็นเรื่องที่ปกติ แต่ลำดับในการใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การจบด้วยพื้นที่เปียกทำให้ฝุ่นที่มองเห็นได้ยากขึ้นไปอีก นอกจากนั้นการทำพื้นให้ชื้นยังหมายถึงการสร้างสภาวะที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของตัวไรฝุ่นและเชื้อราด้วย ฉะนั้นการทำความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ คือการดูดฝุ่นด้วยเครื่องดูดฝุ่นให้ฝุ่นหมดก่อน จากนั้นจึงถูด้วยผ้า

อีกสิ่งสำคัญคือการเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีเทคโนโลยีในการกักเก็บฝุ่นไม่ให้ฝุ่นหลุดรอดกลับออกมาภายในบ้าน

และคือเหตุผลที่ Dyson ใช้เวลากว่า 20 ปี ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับฝุ่น ให้เข้าใจความซับซ้อนของฝุ่นในบ้านจริงๆ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีแก้ไขปัญหาในสถานการณ์จริง โดยทีมวิศวกรใช้เวลาพัฒนาตัวกรอง และระบบกันรั่วเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเครื่องดูดฝุ่นสามารถดูดได้ทั้งฝุ่นที่มองเห็น และที่มองไม่เห็น

“เราหวังว่าการวิจัยครั้งนี้จะทำให้คุณพิจารณาเรื่องฝุ่นในบ้านว่าแม้จะไม่สามารถมองเห็นได้ ไม่ได้แปลว่าไม่ได้อยู่ตรงนั้น แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ฝุ่นอย่างสะเก็ดผิวหนังจากสัตว์เลี้ยงหรือตัวไรฝุ่นสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้เทียบเท่าหรือมากกว่าฝุ่นที่มองเห็นได้”