ทีมนักโบราณคดีนานาชาติอาศัยการตรวจสอบภาพแผนที่ผ่านดาวเทียมและแผนที่ทางอากาศโดยโดรนที่เก็บรวบรวมไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 เรื่อยมา พบโบราณสถานสำคัญในยุคเส้นทางสายไหมหลายจุดในพื้นที่ทะเลทรายของอัฟกานิสถาน เชื่อเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมปาทานที่สาบสูญร่องรอยไปแล้ว
ภาพทั้งจากโดรนและดาวเทียมเหล่านั้น มีทั้งที่เป็นภาพถ่ายผ่านดาวเทียมจารกรรม ดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์ และโดรนที่ใช้เพื่อการสำรวจและการทหาร เมื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี พบจุดที่ตั้งโบราณสถานที่ทรงคุณค่าทางโบราณคดีหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดที่เป็น “คาราวานเซราย” หรือจุดพักกองคาราวานขนสินค้าขนาดใหญ่ ที่นักเดินทางและบรรดาพ่อค้าในยุคเส้นทางสายไหมใช้เป็นจุดพักแรม หรือพักปศุสัตว์ ต่อเนื่องมานานนับเป็นพันปี กับแนวลำคลองใต้ดินซึ่งจมอยู่ใต้ผืนทรายของท้องทะเลทรายในอัฟกานิสถาน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
แหล่งโบราณคดีในพื้นที่ทะเลทรายอัฟกานิสถานเหล่านี้ ถือว่าสภาวะแวดล้อมเป็นอันตรายมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดากลุ่มติดอาวุธต่างๆ จนไม่สามารถเดินทางเข้าไปสำรวจด้วยตัวเองได้ ทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาให้เงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยให้ทีมวิจัยทางโบราณคดี สามารถจัดซื้อหรือดำเนินการรับบริจาคภาพถ่ายจากมุมสูงเหล่านี้มาใช้ในการตรวจสอบหาแหล่งโบราณคดีสำคัญที่ทรงคุณค่าได้โดยปลอดภัย
เดวิด โทมัส นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัย ลาโทรบ ในนครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยที่ใช้โดรนในการสำรวจในอัฟกานิสถาน ระบุว่า จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเพื่อบันทึกตำแหน่งของแหล่งโบราณคดีเหล่านี้เอาไว้ สำหรับใช้ในการศึกษาและอนุรักษ์ต่อไปในอนาคต ไม่เช่นนั้นการศึกษาอดีตในแหล่งเช่นนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งๆ ที่ตนเชื่อว่า หากตรวจสอบกันจริงๆ ก็สามารถค้นพบแหล่งโบราณคดีสำคัญๆ ในพื้นที่เหล่านี้นับหมื่นจุดได้เลยทีเดียว
นอกเหนือจากสถานีพักกลางทางแล้ว ทีมวิจัยยังตรวจพบแนวคลองที่เชื่อมต่อจังหวัดเฮลมานด์ กับจังหวัดซิสถาน ของอัฟกานิสถานเข้าด้วยกันอีกด้วย
ทีมวิจัยเชื่อว่า คลองดังกล่าวน่าจะถูกขุดขึ้นในสมัยอาณาจักรปาทาน ช่วยให้การเกษตรกรรมในพื้นที่เฟื่องฟู รวมทั้งยังได้เห็นร่องรอยองการหลอมรวมเชิงศาสนาในพื้นที่ เพราะพบว่ามีทั้งร่องรอยของสถูปในพุทธศาสนา และ วิหารสำหรับบูชาไฟของพวกโซโรแอสเทรียนอีกด้วย
ที่มา มติชนออนไลน์