
ญี่ปุ่นประหารชีวิตด้วยการแขวนคอผู้ก่อเหตุขับรถบรรทุกชนและวิ่งไล่เเทงคนในย่านอากิฮาบาระ กลางกรุงโตเกียว เมื่อปี 2551 ส่งผลมีผู้เสียชีวิต 7 ราย
วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า วันนี้ญี่ปุ่นประหารชีวิตด้วยการแขวนคอนายโทโมฮิโระ คาโตะ วัย 39 ปี เนื่องจากก่อเหตุวุ่นวายในย่านอากิฮาบาระ กรุงโตเกียว เมื่อปี 2551 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 7 คน และบาดเจ็บมากกว่า 10 คน
การแขวนคอวันนี้เกิดขึ้นตามคำประกาศตัดสินรอบสุดท้ายเมื่อปี 2558 ซึ่งระบุว่า นายคาโตะขับรถบรรทุกพุ่งชนคนเดินเท้าในเขตทางเท้าของย่านอากิฮาบาระ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2551 จนมีผู้เสียชีวิต 3 รายเเละบาดเจ็บอีก 2 ราย แล้วลงจากรถบรรทุก วิ่งไล่แทงประชาชนคนอื่น ๆ อีก 4 คน ด้วยมีดสั้น และทำให้ผู้เคราะห์ร้ายอีก 8 ราย ได้รับบาดเจ็บ
นายโยชิฮิซะ ฟุรุกาวา รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ญี่ปุ่น กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว “ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสังคม เนื่องจากทำให้ชีวิตอันมีค่าต้องสูญเสียไป 7 คน”
ดังนั้น เขาจึงได้ลงนามในคำสั่งประหารชีวิตเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจาก “พิจารณาอย่างรอบคอบครั้งแล้วครั้งเล่า”
ทั้งนี้ การประหารชีวิตด้วยการแขวนคอครั้งนี้ เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรัฐบาลของนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรี โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2564
อย่างไรก็ดี ระบบการตัดสินโทษประหารชีวิตของญี่ปุ่นนั้นได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนานาประเทศมาอย่างยาวนาน โดยฝั่งผู้ที่ไม่เห็นด้วยได้เรียกร้องให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้นในช่วงเวลาของการตัดสินประหารชีวิต
เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วผู้ต้องขังที่ต้องโทษประหารชีวิตจะได้รับการเเจ้งเตือนแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการตัดสิน หรือในบางกรณีอาจไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าเลย
ผู้ไม่เห็นด้วยเหล่านี้ยังกล่าวหาว่าขั้นตอนดังกล่าวทำให้ผู้ต้องขังที่ต้องโทษประหารชีวิตนั้นขาดโอกาสในการได้ไตร่ตรองถึงอาชญากรรมของพวกเขา
ในช่วงเวลาระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ทนายของนายคาโตะโต้แย้งว่าเขาไม่สมควรได้รับโทษพิพากษาประหารชีวิต เนื่องด้วยเขากำลังตกอยู่ในภาวะวิกลจริตหรือมีความสามารถลดน้อยลงในช่วงเวลาของการก่อเหตุ อันเป็นผลมาจากความเครียดทางด้านจิตใจอย่างรุนเเรง
หากแต่ในเดือนมีนาคม 2554 ศาลเเขวงโตเกียวได้พิพากษาตัดสินให้ต้องโทษประหารชีวิต โดยระบุว่าเขาต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น
คำพิพากษาระบุว่า นายคาโตะนั้นมีเหตุจูงใจจากความแค้นหลังจากถูกกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ และการกระทำของเขานั้นเป็นเรื่อง “โหดร้าย” และ “สร้างความหวั่นวิตกอย่างรุนแรงต่อสังคมญี่ปุ่น”
บทลงโทษดังกล่าวถูกตัดสินพิพากษาโดยศาลสูงโตเกียวเมื่อเดือนกันยายนปี 2555 และได้ข้อสรุปจากศาลฎีกาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2558

แอมเนสตี้ฯ ชี้ ญี่ปุ่นมักตัดสินประหารชีวิตอย่างเงียบ ๆ
รายงานจาก อัลจาซีรา ระบุว่า การสั่งลงโทษประหารชีวิตนายคาโตะนั้นเป็นการตัดสินโทษประหารชีวิตครั้งแรกของญี่ปุ่นในปีนี้ และมีขึ้นหลังจากที่ได้มีการตัดสินแขวนคอนักโทษไปแล้ว 3 คน เมื่อเดือนธันวาคม 2564
องค์กรนิรโทษกรรมสากล หรือแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ชี้ว่าการตัดสินโทษประหารชีวิตในญี่ปุ่นนั้นมักมีขึ้นอย่างเงียบ ๆ และถูกปกปิดเป็นความลับ โดยผู้ที่ต้องโทษประหารชีวิตจะได้รับรู้ถึงคำพิพากษาในเวลาแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการตัดสินประหาร หรืออาจไม่ได้รับการแจ้งเตือนเลย ในขณะที่ครอบครัวของพวกเขาจะได้รับเเจ้งแค่เพียงหลังจากที่มีการตัดสินไปแล้ว
แอมเนสตี้ฯแสดงความไม่เห็นด้วยกับโทษประหารชีวิตในทุก ๆ กรณี และระบุว่าแนวโน้มทั่วโลกในปัจจุบันยังคงเห็นด้วยให้มีการรณรงค์ยกเลิกการตัดสินโทษประหารชีวิต