เปิดประเทศเฟสใหม่

(Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP)
คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

พลันที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยว ฟรีวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. ตลาดการแข่งขันธุรกิจท่องเที่ยวคึกคักขึ้นมาทันที

เพราะไทยเองจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอย่างเสรีตั้งแต่วันแรกของเดือนตุลาคม ขณะที่ไต้หวันก็มีแผนเดียวกัน โดยจะเริ่มคลายล็อกไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. จนเปิดดินแดนได้เร็วที่สุดวันที่ 13 ต.ค.

ความสวยงามของบ้านเมืองญี่ปุ่น วัฒนธรรม ความปลอดภัย และอยู่ร่วมในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย รวมถึงคนอีกหลาย ๆ ประเทศ

ส่วนประเทศไทย มีคำอธิบายที่ค้นหาได้ในกูเกิล ว่าได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวนานาชาติ เพราะเป็น Land of Smiles หมายถึงการบริการแบบต้อนรับขับสู้ มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม โดยเฉพาะชายหาด วัดวาอาราม โบราณสถาน ที่ขาดไม่ได้คือ อาหารอร่อย หลากหลาย และมีที่พักที่สะดวกสบาย

ก่อนโรคระบาดโควิด ญี่ปุ่นดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 31.88 ล้านคน ในปี 2562 ส่วนไทยดึงดูดได้มากกว่าในปีเดียวกันนั้นที่ 39.92 ล้านคน โดยมีจีนครองสัดส่วนถึง 11 ล้านคน คิดเป็น 27.6% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด เทียบกับที่ชาวจีนไปเที่ยวญี่ปุ่น 9.6 ล้านคน คิดเป็น 30%

ช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้ทั้งไทยและญี่ปุ่นจะไม่ได้จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนมากนัก เนื่องจากจีนยังไม่เปิดประเทศ ทั้งยังล็อกดาวน์บางพื้นที่อยู่เป็นระยะ

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ แถลงเปิดประเทศรอบนี้ไม่ได้แถลงในประเทศแต่ไปแจ้งข่าวดีที่เวทียูเอ็น ระหว่างไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ต่อเนื่องจากที่แบงก์ชาติญี่ปุ่นเพิ่งแทรกแซงค่าเงินเยนครั้งแรกในรอบ 24 ปี ในวันเดียวกันนั้น

เงินเยนอ่อนค่าอย่างฮวบฮาบ จากผลกระทบจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ติดต่อเป็นครั้งที่สาม จนธนาคารกลางญี่ปุ่นจึงต้องเข้าไปพยุงให้กลับมาที่ 140.70 เยนต่อดอลลาร์

นายกฯ คิชิดะพูดชัดว่า การตัดสินใจเปิดประเทศเต็มรูปแบบครั้งนี้ ต้องการสนับสนุนการท่องเที่ยว ความบันเทิง และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ต้องดิ้นรนระหว่างช่วงโรคระบาดให้ฟื้นคืนกลับมา

ก่อนหน้านี้ ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นพยายามผลักดันอย่างยิ่งให้รัฐบาลเปิดการท่องเที่ยวและยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ทำให้เดินหน้าได้ไม่เต็มที่ หลังจากญี่ปุ่นผ่านพ้นช่วงเวลาที่มีผู้ติดเชื้อโควิดวันละเกินแสนคนแบบยุโรปมาแล้ว

ในเมื่อคนญี่ปุ่นฉีดวัคซีนชนิดเดียวกับคนยุโรปและสหรัฐ จึงไม่น่าต้องกังวลอีก

สำหรับไทยที่มีความได้เปรียบในสนามแข่งการท่องเที่ยว และจำเป็นต้องพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมนี้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปิดประเทศ

สัญญาณดีเริ่มชัดตั้งแต่มีราชกิจจานุเบกษาออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข สั่งยกเลิกโรคโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 พร้อมกับการยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมีผลให้ ศบค.มีอันต้องยุบในวันนั้นด้วย

การเข้าสู่เฟสใหม่ของประเทศไทย จึงถือเป็นการฟื้นฟูธุรกิจการบริการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งหมด

สำหรับปี 2565 เป้าหมายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 10 ล้านคน และสร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาท จึงน่าจะไม่ใช่เรื่องยากอีก เพราะตัวเลข 10 ล้านคนยังคิดเป็นสัดส่วน 25% ของเมื่อปี 2562 ก่อนโควิดระบาด

แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการเกี่ยวโยงกับการท่องเที่ยวเริ่มสะท้อนมาแล้วในช่วงเริ่มฟื้นฟู คือแรงงานหายาก ต้องใช้จ่ายสูงในการจูงใจหรือแย่งชิง รวมถึงการฟื้นตัวยังจำกัดอยู่ที่กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่

เฟสใหม่มาแล้ว และนักท่องเที่ยวจากจีนยังไม่มาเต็มที่ ดังนั้น Land of Smiles ต้องรีบจัดแจงให้เข้าที่เข้าทาง