คอลัมน์ สามัญสำนึก โดย สมถวิล ลีลาสุวัฒน์
วันก่อนไปเดินเล่น “หลังสวน” ใกล้สวนลุมฯ แล้วไปหยุดที่ “ปาร์คนายเลิศ” ไปดูบ้านไม้เก่าแก่ อายุ 100 ปี ที่กำลังจะมีงานดอกไม้ยิ่งใหญ่ ส่วนที่ดินของโรงแรม ทายาทท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ ขายให้ “หมอเสริฐ” โรงพยาบาลกรุงเทพแล้ว 15 ไร่ 10,800 ล้านบาท ตกไร่ละ 720 ล้าน คิดเป็นตารางวา 1.8 ล้านบาท แพงเอาการ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
เพราะสถานทูตอังกฤษที่อยู่ติดกัน สร้างราคาตลาดให้ก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มเซ็นทรัลประมูลซื้อไปวาละ 9.5 แสนบาทในปี 2549 หรือตกวาละล้าน สร้างห้างเอ็มบาสซี
ตอนนั้น บรรดาบิ๊กดีเวลอปเปอร์ ร้องซี้ดกันเป็นแถว…
อังกฤษเดินหน้าขายที่ดินต่ออีก 23-25 ไร่ ทำเลติดกัน ราคาพุ่งไปถึง 2 ล้านบาทเศษ ๆ (รอคอนเฟิร์มข่าวกันอยู่)
ดีลนี้ ทำให้เกิด “แรงกระเพื่อม” ยิ่งกว่าสึนามิเอิร์ทเควก เพราะเป็นชนวนทำให้ราคาที่ดินใจกลางเมืองแพงขึ้นในรัศมี 2 กิโลเมตร
แน่นอน รถไฟฟ้าบีทีเอส (สายสุขุมวิท) เป็นปัจจัยหนุน ที่สร้างความเจริญให้บ้านเมืองแบบพลิกหลังมือเป็นหน้ามือ ทำให้ “สุขุมวิท” เป็นขุมทรัพย์ของนักลงทุน
ล่าสุด เกิดข่าวช็อกวงการ “ค่ายเอสซี แอสเสท” ใจป้ำประมูลซื้อที่แปลงเด็ด ซอยหลังสวน หลังห้างเมอร์คิวรี่
(ตอนนี้เป็นศูนย์อาหารไฮไซ) เนื้อที่ 2 ไร่เศษ ราคาสูงถึง 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา
เอสซีฯจ่ายเงินก้อน 2.7 พันล้าน แลกกับที่ 880 ตารางวา ทำลายทุกสถิติในเมืองไทย !!!
ณ ตอนนี้ ซีอีโอ บริษัทพัฒนาที่ดินทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่างคอมเมนต์กันทั่วหน้า ว่า “ซื้อไปได้ยังไง แพงมาก แพงไป วาละ 3 ล้าน ทำคอนโดฯแล้ว ต้องขายตารางเมตรละเท่าไหร่เนี่ย 5 แสนบาทเหรอ ไหวเหรอ”
ทำเอาปั่นป่วน ป่วนในแง่ “ราคาที่ดิน” ที่กำลังมีการซื้อขาย หรือต้องซื้อขายกันอีกเรื่อย ๆ ตามปกติของการพัฒนาที่อยู่อาศัย
ต่อไป “ราคา” จะไม่ปกติแล้ว เพราะเจ้าของที่ดินจะยึดราคาย่านหลังสวน “วาละ 3 ล้าน” เป็นเบนช์มาร์ก หรือราคาเทียบเคียง
ถามว่า คนได้ประโยชน์คือใคร แน่นอน คงเป็นเจ้าของที่ดินทั่ว ๆ ไป ส่วนโครงการในย่านใกล้เคียง จะรู้สึกว่าคอนโดฯตัวเองมีราคาแพงขึ้น จะขายต่อหรือปล่อยเช่าก็อัพราคาขึ้นได้อย่างไม่แคร์ใคร
ถ้ามองภาพรวมกว้าง ๆ เจ้าของโปรเจ็กต์ยักษ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่าง “สินธร เรสซิเด้นซ์” ของกลุ่มเอสซีจี พร็อพเพอร์ตี้
อย่าง “วัน แบงคอก” ของกลุ่มทีซีซี เสี่ยเจริญเจ้าเก่า คงได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ
วันก่อน ได้ยินมาว่า มหาเศรษฐีเมืองไทยติด 1 ใน 10 อยากซื้อคอนโดฯใหม่ จะอยู่เองหรือให้สาว ๆ อยู่ อันนี้ไม่คอนเฟิร์ม แต่ซาโจ้รายนี้ ชอบทำเลแถวหลังสวน เพราะไปไหนมาไหนสะดวก และชอบอยู่ติดสวนลุมฯได้วิ่งทุกเช้าเย็น จึงคิดจะซื้อห้องชุดหรูเริ่ดของ “สินธร เรสซิเด้นซ์” ในราคาห้องละ 80 ล้าน 100 กว่าตารางเมตร เทกวิวได้ทุกมุม ที่กำลังเร่งสร้าง ตรงหัวมุมซอยหลังสวน ฝั่งติดสวนลุมฯ ซึ่งถือเป็น “คอนโดฯ” ที่แพงสุดตอนนี้
แต่กรรมสิทธิ์เป็นแบบเช่าระยะยาว ไม่ได้ขายขาด เพราะที่ดินเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
จึงไม่รู้ผลสรุปว่า “ท่านจะซื้อหรือไม่ซื้อ” แต่ราคา 80 ล้าน มหาเศรษฐีระดับนี้ ซื้อได้อยู่แล้ว จะ 100 ล้าน 500 ล้าน ก็ซื้อได้
แต่การจะซื้ออย่างมี “สติ” และ “สมควรต่อเหตุผล” ย่อมสำคัญกว่า… เพราะเมืองไทย ไม่ใช่ “ฮ่องกง” ไม่ใช่ “สิงคโปร์” ไม่ใช่ “ญี่ปุ่น” ไม่ใช่ “นิวยอร์ก” ราคาเทียบเคียงจึงควรต่างกัน
กำไรบ้าง ไม่เป็นไร แต่อย่ากำไรเกิน มันน่าเกลียด คนเรากินผัก ไม่ได้กินหญ้าค่ะ
