สมบทบาทผู้นำ

กระบะอีวีโตโยต้า
คอลัมน์​ : ชั้น 5 ประชาชาติ
ผู้เขียน : อมร พวงงาม

ตลาดรถยนต์บ้านเรา แบรนด์ “โตโยต้า” อายุ 60 ปี แล้ว  แม้จะไม่เก่าแก่ที่สุด แต่ทุกคนรู้ว่ามีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด และเป็นผู้นำทุกเซ็กเมนต์ เคยขยับแชร์ขึ้นไปเกือบ 50% ของตลาด

แต่สำหรับการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่กำลังชิฟต์จากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100%

โตโยต้ากลับดูเชื่องช้า ถูก “รถจีน” แซงหน้าไปหลายช่วงตัว

มีนักวิชาการหลายรายวิเคราะห์ว่า ที่โตโยต้าไม่ยอมขยับเพราะ 1.ซัพพลายเชนที่ยืดยาวของโตโยต้ายังผูกพันกับรถใช้น้ำมัน 2.โตโยต้ามองว่า ยิ่งผลิตรถไฟฟ้าออกมามากขึ้นเท่าใด ก็ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเร่งภาวะโลกร้อน 3.วัตถุดิบแบตเตอรี่ EV ต่อไปจะขาดแคลน โดยเฉพาะ ลิเทียม, โคบอลต์ และนิกเกิล 4.โตโยต้าไม่ต้องการแข่งขันในสนามที่เป็นแค่ red ocean ต้องเป็น blue ocean เท่านั้น

แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ (14 ธ.ค. 2565) ในงานฉลอง 60 ปีของโตโยต้าไทยแลนด์ “อากิโอะ โตโยดะ” ซีอีโอใหญ่จากญี่ปุ่น ขึ้นเวทีระบุชัดเจนว่า โตโยต้ากำลังจะบุกตลาด “ปิกอัพอีวี” โดยจะส่งไฮลักซ์ รีโว่ พลังงานไฟฟ้า ลงตลาดในปี 2566

หลังจากนั้นอีก 2 วัน เขาพานักข่าวไปชมการแข่งรถแบบเอนดูรานซ์ 25 ชม. ที่สนามช้างบุรีรัมย์ ซึ่งเขาลงแข่งขันด้วย ใช้รถโตโยต้า “พลังไฮโดรเจน”

ที่น่าตกใจในงานนี้ เขายังเปิดตัว “ไฮลักซ์ รีโว่ อีวี” ให้นักข่าวได้ยลโฉมอย่างใกล้ชิด

ในขณะที่อีกฟากอธิบดีกรมสรรพสามิต “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ”  ก็ออกมายืนยันว่า โตโยต้าได้เซ็นเอ็มโอยูเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว

ทั้งรถยนต์นั่งรุ่น bZ4X ที่เปิดจองและปิดรับจองไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งรถปิกอัพอีวีด้วย ดังนั้นถ้าราคาขายปิกอัพอีวีของโตโยต้าไม่เกิน 2 ล้านบาท ก็จะได้รับเงินอุดหนุนสำหรับผู้ซื้ออีก 1.5 แสนบาทจากรัฐบาล

และที่สำคัญ รถปิกอัพคันนี้ผลิตจากโรงงานในประเทศ ตามเงื่อนไขของมาตรการส่งเสริมอีวี ถ้าผลิตในช่วงปี 2565-2566 มีขนาดมอเตอร์มากกว่า 30 KWh ขึ้นไปจะได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 0% ส่วนผลิตช่วงปี 2567-2568 จะได้รับยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วนที่ใช้กับรถอีวีเหลือ 0% ด้วย

เจอ 2 เคสนี้ในเวลาใกล้เคียงกัน เท่ากับสามารถลบคำสบประมาทที่ว่า “โตโยต้า เชื่องช้า” และ “ไม่เอาจริงเอาจัง” กับการทำตลาดรถอีวีได้ราบคาบ

คนในโตโยต้าวิเคราะห์ให้ฟังว่า ปิกอัพอีวีค่อนข้างท้าทาย แต่ไม่ได้ยากเพราะทุกภาคส่วนมีการหารือร่วมกับซัพพลายเออร์มาอย่างต่อเนื่อง ไลน์ผลิตก็พร้อม เชื่อว่าไตรมาสแรกปี 2566 น่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและเปิดรับจองได้

ราคาขายคงไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ได้ส่วนลดจากเงินอุดหนุน 1.5 แสนบาท ราคานี้น่าจะแข่งขันในตลาดได้สบาย ๆ

โตโยต้าค่อนข้างมั่นใจกับโปรดักต์ตัวนี้มาก เพราะนับวันรถปิกอัพยิ่งขยายตัวมากขึ้น ตอนนี้มีสัดส่วนฟาดไปเกือบ 60% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด

ส่วนที่หลาย ๆ คนกังวลเรื่อง “อีวีอีโคซิสเต็ม” โดยเฉพาะสถานีชาร์จ ถึงวันนี้ต้องบอกว่ามีเยอะพอสมควร

ถ้าแผนที่โตโยต้าวางไว้ จะให้ทุกโชว์รูมทั่วประเทศซึ่งมีมากเกือบ 500 แห่ง มีสถานีชาร์จรองรับบริการลูกค้า และถ้าดูแลกันแบบ “วี.ไอ.พี. ไม่มีค่าใช้จ่าย” ลองคิดตามดูนะครับ ยอดขายกระบะอีวีจะวิ่งได้เร็วแค่ไหน ?


แบบนี้ซิ ถึงจะ “สมบทบาทผู้นำตัวจริง”