ปราบโกงแก้ที่คน-บังคับใช้กฎหมาย

บทบรรณาธิการ

ผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย (CSI) เดือน ธ.ค. 2560 โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ชี้ว่าดัชนีคอร์รัปชั่นในภาพรวมลดลงจาก 53 เหลือ 52 คะแนน เมื่อเทียบกับผลสำรวจช่วงเดือน มิ.ย. 2560 และปัจจุบันอยู่ที่ 51 คะแนน แม้ไม่ถึงกับย่ำแย่ แต่ส่งสัญญาณลบกลาย ๆ จนน่าห่วงว่า หากทุกฝ่ายไม่เร่งแก้ไขจะเลวร้ายลงอีก

พิจารณาในรายละเอียดของผลสำรวจยิ่งน่าตกใจ เพราะกลุ่มตัวอย่างระบุว่าจากประสบการณ์ตัวเองและคนรอบข้าง พบว่า 24% ของกลุ่มตัวอย่างต้องจ่ายเงินพิเศษให้ข้าราชการหรือนักการเมืองที่ทุจริต ถือเป็นการจ่ายเงินใต้โต๊ะสูงสุดในช่วง 3 ปี นับแต่ปี 2558

ขณะที่วงเงินที่ต้องจ่ายโดยเฉลี่ย 5-15% ใกล้เคียงกับจำนวนที่เคยสำรวจพบครั้งที่ผ่านมา หรือเท่ากับ 6.62 หมื่นล้านบาท ถึง 1.98 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.29-6.86% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือ 0.41-1.23% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) นับเป็นความสูญเสียมหาศาล

ขณะเดียวกัน กลุ่มตัวอย่างวิตกกังวลว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2558 จะทวีความรุนแรงมากขึ้นอีก หากปีนี้ที่รัฐบาลสามารถจัดซื้อจัดจ้างโครงการขนาดใหญ่มูลค่าลงทุนรวมกว่า 1 แสนล้านบาทได้ตามแผนที่วางไว้

เท่ากับการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ปรับลดลงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มาจากเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ นักการเมืองเกรงกลัวกฎหมาย รู้ผิดชอบชั่วดี มีจิตสำนึกด้านศีลธรรมมากขึ้น แต่โกงกินน้อยลงตามปริมาณและมูลค่างานที่ลดลง ซึ่งส่งผลต่อแรงจูงใจและโอกาสไม่เอื้อ

ชี้ให้เห็นว่ากฎกติกาในการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งที่มีอยู่เดิม และทยอยออกมาใหม่นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นหลักคุณธรรม จริยธรรม กฎหมายทั่วไป กฎหมายเฉพาะ อาทิ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในวงราชการ พ.ร.บ.คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ร.บ.เกี่ยวกับเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ฯลฯ กับมาตรการป้องกันการทุจริตอีกสารพัดแทบไม่มีความหมาย

โจทย์ใหญ่จึงอยู่ที่ทำอย่างไรให้คนในแวดวงราชการ นักการเมือง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิม ๆ ประพฤติปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เห็นแก่ได้ มุ่งประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม ควบคู่กับเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมควบคุมดูแลและคอยเป็นหูเป็นตาให้


ขณะที่รัฐบาลต้องเร่งปราบปรามคอร์รัปชั่นด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเฉียบขาด มิฉะนั้นมะเร็งร้ายทุจริตโกงกินจะทำลายชาติไม่จบสิ้น