คุมเงินดิจิทัลต้องรวดเร็ว-รัดกุม

บทบรรณาธิการ

การควบคุมกำกับดูแลเงินดิจิทัล ซึ่งเกิดขึ้นจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ กำลังถูกจับตามองว่า กฎกติกาจะออกมาอย่างไร และคุมเข้มมากน้อยแค่ไหน

เพราะแม้เงินดิจิทัลจะมีประโยชน์ในแง่ความสะดวกสบาย ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย แต่โทษก็มีมหันต์หากถูกนำมาใช้โดยไม่สุจริต หลอกลวง เกี่ยวพันกับยาเสพติด หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ฯลฯ

สำหรับประเทศไทยนั้น ขณะนี้มีทั้งการไหลบ่าเข้ามาของเงินดิจิทัล หรือ cryptocurrency จากนอกประเทศ กับเงินดิจิทัลที่ออกโดยบริษัทไทย ทั้งที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ บางรายเปิดระดมทุน ICO (initial coin offering) ไปแล้ว บางรายเตรียมระดมทุน ปรากฎว่าได้รับการตอบรับและกำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน นักเก็งกำไร

ขณะที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทำได้แค่ส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ลงทุนตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนลงทุน

เนื่องจากระเบียบกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันไม่ครอบคลุมถึงเงินดิจิทัลโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย การทำธุรกรรม รวมทั้งการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างไรก็ตาม กระแสฮอตลงทุนเงินดิจิทัล กับการเปิดระดมทุน ICO ที่กำลังมาแรงจนยากจะปิดกั้น ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งผลักดันกฎกติกาออกมารองรับให้ทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีป้องกันไม่ให้นักลงทุนโดยเฉพาะรายย่อย ซึ่งมีขัอจำกัดเรื่องข้อมูล ขาดความรู้ความเข้าใจในการลงทุน แต่ถูกหลอกลวง หรือชักชวนจูงใจ ให้ลงทุนหรือเก็งกำไรโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะเวลานี้การลงทุนเงินดิจิทัลฮอตฮิต ลามทุ่งจากส่วนกลางไปถึงต่างจังหวัด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสุญญากาศ ที่นอกจากกฎหมายจะเอื้อมไปไม่ถึงแล้ว ยังไม่มีหน่วยงานใดกำกับดูแล cryptocurrency กับ ICO โดยตรง แม้ผลการหารือระหว่าง 4 หน่วยงานเริ่มชัดเจนว่า ก.ล.ต.จะออกกฎหมายใหม่เป็นแนวทางกำกับดูแลการระดมทุนด้วยเงินดิจิทัล หรือ ICO เฉพาะที่มีหลักทรัพย์อ้างอิง แต่ในความเป็นจริงการลงทุน การซื้อขาย หรือเก็งกำไรเงินดิจิทัลมีหลากหลายรูปแบบ

ท่ามกลางสถานการณ์ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงฝุ่นตลบ ทางการหลาย ๆ ประเทศอยู่ในสภาพมะงุมมะงาหรา เพราะเงินในรูปแบบออนไลน์ สกุลเงินดิจิทัลมาเร็วจนตั้งหลักไม่ทัน แถมกฎหมายที่มีอยู่กลายเป็นกติกามีรูโหว่ ทางการไทยจึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการพิจารณาเพื่อความรอบคอบ รัดกุม ก่อนออกกฎหมายหรือมาตรการใหม่มารองรับ แต่ที่ต้องทำควบคู่กันคือ ต้องดำเนินการด้วยความรวดเร็วทันสถานการณ์ เพราะถ้าอืดอาดล่าช้า จะยิ่งเสี่ยงเกิดความเสียหาย