จุดเปลี่ยนประเทศ

คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : สมปอง แจ่มเกาะ

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาฯ นี้ก็จะถึงวันเลือกตั้งแล้ว

นับจากวันนี้ไปก็เหลือเวลาเพียงประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้น

จะเรียกว่าเริ่มเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการหาเสียงก็คงไม่ผิดนัก

ที่ผ่านมาโพลที่หลาย ๆ สำนักทำออกมาก็คงจะพอเห็นเค้าลางบ้างแล้ว ว่าพรรคไหนมีคะแนนนิยมนำ พรรคไหนคะแนนตาม ใครไล่บี้ใคร ใครหายใจรดต้นคอใคร

จากนี้ไปแต่ละพรรคคงต้องงัดทีเด็ดงัดท่าไม้ตายออกมาเรียกคะแนนเสียงกันอย่างหนัก บางพรรคก็อาจจะต้องปรับแผนปรับกลยุทธ์หลังจากอาจจะเพลี่ยงพล้ำไปบ้าง

บรรยากาศการหาเสียงจากนี้ไปคงจะทวีความคึกคักมากขึ้น

ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา การเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ เดินสายปราศัย ขึ้นเวทีดีเบต อาจจะเป็นเพียงแค่การสาดน้ำ แต่ตอนนี้เริ่มเห็นการสาดโคลนกันบ้างแล้ว

เล่นสกปรก ใช้วิชามาร ชกใต้เข็มขัด ไม่สร้างสรรค์

วันก่อนเลิกจากงานกลับถึงบ้าน เห็นคู่มือการเลือกตั้ง ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วางอยู่ในตู้จดหมาย

หยิบมานั่งพลิกอ่าน นอกจากคำแนะนำและข้อมูลสำหรับการเลือกตั้งเบื้องต้นแล้ว คู่มือยังมีการแนะนำผู้สมัครในเขต รวมทั้งมีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อของทั้ง 67 พรรค ไล่เรียงตั้งแต่หมายเลข 1 ไปจนหมายเลขสุดท้าย หมายเลข 67 พร้อมรายชื่อบุคคลที่ถูกเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคด้วย

ดีนะที่ กกต.มีคู่มือส่งมาให้ ไม่เช่นนั้นคงงงเป็นไก่ตาแตกแน่ ๆ เลือก ส.ส.เบอร์หนึ่ง เลือกพรรคอีกเบอร์หนึ่ง ใครไม่งงก็ให้มันรู้ไป คงต้องท่องจำทั้งคืนก่อนเข้าคูหา

เรื่องง่าย ๆ แต่ก็ทำให้กลายเป็นเรื่องยากซะอย่างนั้น…ถนัดนัก

ที่น่าสนใจของคู่มืออีกอย่างหนึ่งก็คือ นโยบายของแต่ละพรรค ผมอ่านจนครบทุกพรรค สรุปได้ว่าส่วนใหญ่เน้นนโยบายประชานิยม จะให้โน่นนี่นั่น เพิ่มเงิน เพิ่มสวัสดิการ โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ที่เน้นชูเรื่องนี้เป็นหัวหอก ที่เน้นนโยบายเรื่องการสร้างรายได้ให้ครัวเรือน ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพิ่มสวัสดิการเด็ก-ผู้สูงอายุ เรียนฟรี บางพรรคมีเรื่องพักหนี้ ปลดหนี้

อ่านแล้วเคลิ้มมาก ส่วนที่ว่าจะทำได้จริงหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง และไม่แปลกที่จะเห็นบรรดานักวิชาการ กูรูทางด้านเศรษฐศาสตร์หลายคน รวมถึง ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องออกโรงมาสะกิดเตือนว่าควรระวัง และควรคำนึงถึงเสถียรภาพเป็นสำคัญ

แทบทุกพรรคเน้นนโยบายเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ แต่ลืมมองปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นและยาเสพติดที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศอยู่ในเวลานี้ โดยมีพรรคการเมืองไม่กี่พรรคที่เขียนนโยบายเรื่องนี้ไว้ ส่วนใหญ่เป็นพรรคขนาดเล็ก ขออนุญาตเอ่ยชื่อ เช่น พรรคใหม่ พรรคท้องถิ่นไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคอนาคตไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยรวมไทย พรรคพลังสยาม ส่วนพรรคใหญ่ที่มีนโยบายเรื่องนี้มีเพียง พรรคไทยรวมไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคก้าวไกล

ไม่เป็นไร…เอาเป็นว่า 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้ อย่าลืมตั้งแต่ 08.00-17.00 น. ต้องออกไปเลือกตั้ง เข้าคูหากาพรรคที่ใช่ คนที่ชอบ

ประเทศไทยจะย่ำอยู่กับที่ หรือจะเดินถอยหลัง หรือจะเดินไปข้างหน้า อนาคตของประเทศอยู่ที่มือของท่านแล้ว

ส่วนผมก็มีเบอร์ในใจแล้ว ผมเชื่อพุทธสุภาษิตที่ว่า “พาโล อปริณายโก” (อ่านว่า พา-โล-อ-ปะ-ริ-นา-ยะ-โก) มีความหมายว่า “คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ”

ครับ ผมจะไม่กากบาทให้ คนโง่ คนพาล

ว่ากันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันของพรรคการเมืองเก่ากับพรรคการเมืองใหม่

เป็นการแข่งขันของนักการเมืองรุ่นเก่า กับนักการเมืองที่เป็นคนหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่

เป็นการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองที่มีความคิดแบบอนุรักษนิยมกับความคิดแบบเสรีนิยม

นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศ