คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
แม้ว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะมีมติให้ปรับลดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดใหม่สำหรับเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 ลง 7 สตางค์/หน่วย จากมติเดิม 4.77 บาท/หน่วยเป็น 4.70 บาท/หน่วย ซึ่งถือเป็นการลดลง 2 สตางค์/หน่วย เทียบกับงวดค่าไฟฟ้าในเดือนมกราคม-เมษายน 2566 อยู่ที่ 4.72 บาท/หน่วย
อันเนื่องมาจากการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ หรือค่า Ft โดยการปรับลดค่าไฟฟ้าลงครั้งนี้ถือว่า “น้อยมาก” เมื่อเทียบกับการปรับขึ้นค่า Ft ที่มีมาอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2565
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงจะเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่ก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องหามาตรการออกมาบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า โดยนำมาตรการที่เคยใช้อยู่เดิม ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกสูงขึ้น กับมาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วนกลับมาใช้ใหม่
มาตรการแรกจะให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 96.88 สตางค์/หน่วย สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วย/เดือน ทำให้ “ผลต่าง” ระหว่างค่า Ft ที่เรียกเก็บกับส่วนลดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 1.39 สตางค์/หน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 151-300 หน่วยต่อเดือน จะให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 71.88 สตางค์/หน่วย ทำให้ “ผลต่าง” ระหว่างค่า Ft เรียกเก็บและส่วนลดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 26.39 สตางค์/หน่วย
มาตรการที่สอง จะช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน อันเนื่องมาจากสภาพอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสเฉลี่ยทั่วประเทศทำให้มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วยการให้ “ส่วนลด” แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในรอบบิลเดือนพฤษภาคม 2566 จำนวน 150 บาท/ราย โดยมาตรการแรกคาดว่าจะมีประชาชนได้รับความช่วยเหลือจำนวน 18.36 ล้านราย ส่วนมาตรการหลังจะมีประชาชนได้รับความช่วยเหลือจำนวน 23.40 ล้านราย
โดยทั้ง 2 มาตรการจะต้องใช้เงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ในส่วนของ “งบฯกลาง” รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 10,464 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การใช้งบฯกลางรายการเงินสำรองจ่ายดังกล่าวในช่วงรัฐบาลรักษาการ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเสียก่อน ตามรัฐธรรรมนูญมาตรา 169 (3) โดยในส่วนของรัฐบาลรักษาการได้มีมติ ครม.ให้ความเห็นชอบไปแล้วในวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็จะต้องเร่งพิจารณาว่าจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้เร็วที่สุด ท่ามกลางความหวังของประชาชนที่จะได้ส่วนลดค่าไฟฟ้า