
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : รุ่งนภา พิมมะศรี
เรื่องที่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จากประเทศจีน มีวาทะตอบโต้และเสียงเรียกร้องออกมาจากจีนอย่างต่อเนื่องให้อียูแก้ไขอัตราภาษี มิเช่นนั้นจีนจะดำเนินมาตรการตอบโต้ ซึ่งหากติดตามเรื่องที่จีนเจอกำแพงภาษีมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าจีนมีปฏิกิริยาต่อกรณีการขึ้นภาษีของอียูมากกว่ากรณีที่สหรัฐขึ้นภาษีอีวีและสินค้าอีกหลายรายการ
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น สามารถวิเคราะห์ได้ว่า เป็นเพราะการขึ้นภาษีของอียูส่งผลกระทบต่อจีนอย่างแท้จริงกว่าและมากกว่าการขึ้นภาษีของสหรัฐมาก ๆ เนื่องจากอียูเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้าจีน คิดเป็นประมาณ 37% ของการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดของจีน ขณะที่สหรัฐยังไม่ใช่ตลาดที่สำคัญของจีน ณ เวลานี้
ส่วนเหตุผลประการที่สอง ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างกัน จีนแคร์อียูมากกว่าสหรัฐ เพราะกับสหรัฐนั้นชัดเจนว่าจีนคงไม่สามารถเปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์จากคู่แข่งเป็นมิตรได้ ขณะที่กับอียูนั้นจีนหวังที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น และหวังจะทำให้สหรัฐเกิดความคลางแคลงใจกับอียู จนกระทบความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างอียูกับสหรัฐ
ด้วยเหตุผลนี้ทำให้จีนอาจจะไม่กล้าใช้มาตรการตอบโต้ที่รุนแรงและส่งผลกระทบในวงกว้างต่ออียู เพราะหากจีนตอบโต้อียูอย่างรุนแรง ก็อาจจะกระตุ้นให้ยุโรปกับสหรัฐอเมริกากระชับความร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อต่อต้านจีน ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นก็จะขัดขวางเป้าหมายของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ที่ต้องการส่งเสริม “เอกราชทางยุทธศาสตร์” ของสหภาพยุโรป โดยมีความมุ่งหวังที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐลดความแน่นแฟ้นลง
ดังนั้น จึงคาดว่าจีนจะใช้มาตรการที่มีขอบเขตจำกัดหลาย ๆ ครั้ง เพื่อกระทุ้งอียูไปเรื่อย ๆ แทน
อย่างเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา จีนสั่งสอบสวนต่อต้านการทุ่มตลาดจีนของเนื้อหมูนำเข้าจากอียู ซึ่งนับว่าเป็นมาตรการที่กำหนดเป้าหมายอย่างแคบ เพราะถึงแม้ว่าจีนเป็นตลาดส่งออกเนื้อหมูที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป โดยการส่งออกหมูจากสหภาพยุโรปมายังจีน ในปี 2023 มีมูลค่า 1,830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 67,296 ล้านบาท) แต่การส่งออกเนื้อหมูก็เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของการส่งออกทั้งหมดที่สหภาพยุโรปส่งมายังสู่จีน ซึ่งมีมูลค่ารวม 282,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10.37 ล้านล้านบาท) ในปี 2023 ดังนั้น หากจีนต้องการใช้มาตรการแรงจริง ๆ ก็คงไม่จำกัดอยู่ที่เนื้อหมู
หลังจากนั้น จีนก็ส่งเสียงกระตุ้นเตือนอียูแทบไม่เว้นวัน จนนำไปสู่การหารือกันทางโทรศัพท์ระหว่างกรรมาธิการการค้าของอียูกับรัฐมนตรีพาณิชย์ของจีนเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่ข้อตกลงที่จะเจรจาเรื่องการค้าและภาษีกันใหม่
ผู้สังเกตการณ์มองว่า ผลลัพธ์การเจรจาหารือที่จีนต้องการ คือ สหภาพยุโรปยอมยกเลิกประกาศขึ้นภาษีก่อนที่ประกาศดังกล่าวจะมีผลในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ หากไม่เป็นเช่นนั้น จีนอาจจะฟ้ององค์การการค้าโลก (WTO) ว่า อียูละเมิดกฎการค้าเสรีของ WTO
อย่างไรก็ตาม หากเรื่องไปถึง WTO จริง ผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่จีนหวัง เพราะ WTO ถูกมองว่าเป็นเพียง “เสือกระดาษ” ไม่น่าจะเป็นที่พึ่งให้จีนได้เท่าไรนัก