
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
ในที่สุด โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต (Digital Wallet) ของรัฐบาลก็พร้อมสำหรับก้าวแรกแล้ว หลังจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาแถลงถึงความคืบหน้า “อย่างสำคัญ” ของโครงการนี้ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากที่เวลาได้ผ่านมามากกว่า 10 เดือน หลังรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาถึงความจำเป็นที่จะต้องมีโครงการดิจิทัลวอลเลต ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาอย่างยาวนาน หนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะสูง รัฐบาลจึงต้องหาวิธีขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
โดยนายพิชัยกล่าวว่า โครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเลต ไม่ใช่การอุดหนุน แต่เป็นมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในระยะสั้น จะมีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ผลิตและผู้บริโภค ในกลุ่มประชาชนเป้าหมาย 50 ล้านคน ใน 178 อำเภอ ประมาณการจะมีประชาชนเข้ามาใช้สิทธิในโครงการนี้ 45 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 90 ของโครงการ
ที่สำคัญหลังจากเริ่มดำเนินโครงการภายในไตรมาส 4/2567 ไปแล้ว รัฐบาลเชื่อว่าจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “พายุหมุนทางเศรษฐกิจ” จำนวน 4 ลูก ได้แก่ พายุหมุนลูกที่ 1 จะเกิดการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็กในท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากพายุหมุนลูกที่ 2 จะเกิดการใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่
พายุหมุนลูกที่ 3 จะเกิดการใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ โดยจะเป็นการ “ต่อยอด” กำลังซื้อ การบริโภค และพายุหมุนลูกที่ 4 ซึ่งสำคัญมากก็คือ ความเชื่อที่ว่าการจับจ่ายใช้สอยที่เกิดขึ้นในโครงการของประชาชน จะเกิดผลต่อการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นทวีคูณ แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ผลของพายุหมุนจะทำให้ GDP โตถึง 1.2-1.8% หรือไม่
และต้องไม่ลืมว่า โครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเลต เป็นโครงการที่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก หรือประมาณ 450,000 ล้านบาท โดยแหล่งของเงินจำนวนนี้จะมาจากการบริหารจัดการงบประมาณ ทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 จำนวน 165,000 ล้านบาท งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2568 และการบริหารการคลังและการบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 อีกจำนวน 285,000 ล้านบาท จะกลายเป็นภาระทางการคลังในระยะยาว อีกทั้งยังทำให้ความสามารถในการดำเนินนโยบายทางการคลังด้านอื่นของรัฐบาลลดลง
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลจักต้องเตรียม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะ การช่วยเหลือประชาชนรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการดิจิทัลวอลเลต เพิ่มเติมเสียแต่เนิ่น ๆ หากหลังดำเนินโครงการไปแล้วไม่สามารถสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจตามที่เชื่อกันไว้แต่แรกได้