โค้ช ทักษิณ ถึง ลูก (ศิษย์) แพทองธาร

coach
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ
ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ ประชาชาติ

ภาระหนักอึ้งของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 คือการแก้วิกฤตเศรษฐกิจ-ปากท้อง ที่หนักพอ ๆ กับปัญหาการเมือง ในช่วงฝุ่นตลบตั้งรัฐบาลใหม่

ลำพังแค่ตัว “แพทองธาร” คนเดียว หรือจะรวมผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยอาจเอาไม่อยู่

เธอจำเป็นต้องมีโค้ชที่ดี

โค้ชคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพ่อ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อน

อีกทั้งบุคคลที่เป็น “ว่าที่รัฐมนตรี” ในวันนี้ ส่วนใหญ่ก็เคยเป็นลูกน้องของอดีตนายกฯทักษิณทั้งสิ้น

“ผมไม่ควรเป็น (นายกฯ) แล้ว เพราะผมแก่เกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะเรียนรู้จะทันสมัยต่าง ๆ แต่ Energy ผมไม่เท่าคนอายุน้อยแล้ว” ทักษิณตอบคำถามเรื่องการจะเป็นนายกฯอีกครั้ง ผ่านหนังสือ THAKSIN SHINAWATRA Theory and Thought

ADVERTISMENT

“คือการทำงานมันต้องมี Energy ในการ Drive ทุกอย่าง มันไม่ใช่ว่าเรารู้ เราทำอย่างเดียวไม่พอ Energy ต้องมีด้วย เมื่อเรามีไม่พอ แต่เรายังมีประสบการณ์และสิ่งที่เรารู้อยู่ เราก็มีหน้าที่ให้คำแนะนำ หน้าที่ผมเป็นครูนะ ต้องเป็นครู พออายุมาก ๆ อย่าไปคิดว่าต้องเป็นคนลงมือเอง เป็นครูดีกว่า”

โค้ช “ทักษิณ” มองเงื่อนไข ผู้นำที่จะพาประเทศไปข้างหน้า 3 ข้อ

ADVERTISMENT

หนึ่ง-คนที่จะเป็นผู้นำต้องใจรักประชาชนมาก่อน ถ้าใจไม่รักประชาชน มันจะรู้สึกเหนื่อยและท้อ ท้อจากการด่าทอ ท้อจากการที่ขับเคลื่อนได้ยากลำบาก เพราะระบบราชการไม่แข็งแรง แต่ถ้าใจเราอยู่กับประชาชน เราอยากเห็นเขามีชีวิตที่ดี มีความสุข Energy มันก็ยังอยู่ ก็ Drive ต่อไปได้ นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญ

สอง-จะต้องเป็นนักปฏิบัติ ต้องทำได้ ไม่ใช่ว่าสั่งแล้วมันจะเคลื่อนเลย สั่งแล้วมันต้องติดตาม เพื่อให้มันเคลื่อนให้ได้

สาม-ต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องมองไกลหน่อย อย่ามองใกล้ การทำงานเป็นหัวหน้ารัฐบาลมันต้องทำทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทำอย่างเดียวไม่ได้ ปัญหาอดีตไม่แก้ ทำปัจจุบันอย่างเดียวไปวัน ๆ ปัญหาอดีตก็หมักหมม รอวันระเบิดได้ ส่วนอนาคตไม่วางไว้ ก็รอวันเสื่อมถอย แค่นั้นเอง

ทักษิณบอกว่า ถ้าไม่ทำ 3 อย่างนี้อยู่ไม่ได้

โจทย์แรกของการสร้างความไว้วางใจกับประชาชนต้องทำอะไรบ้าง “ทักษิณ” บอกว่า ต้องเริ่มต้นด้วยหัวใจที่รักประชาชน อยากแก้ไขปัญหา อันนั้นเป็น Trust แรกที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่ Fake ถ้า Fake เมื่อไหร่ Trust หมด ต้องจริงนะ เมื่อจริงประชาชนจะ Trust แล้วประชาชนก็จะร่วมมือ

เพราะฉะนั้น ต้องเริ่มต้นด้วยการแสดงความจริงใจว่าเราเข้ามาทำ เพราะเรารักและห่วงใยประชาชนและประเทศ ตรงนั้นคือการสร้าง Trust ที่ถึงแม้เป็นนามธรรม แต่รูปธรรมมันจะตามมาด้วยความสามารถในการบริหาร จัดการปัญหาและวิกฤตที่เกิดขึ้น