
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
การถกเถียงการเตรียมเจรจากับประเทศกัมพูชาในปัญหาพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทย ในกรอบข้อตกลง MOU 2544 ซึ่งเกิดขึ้นครั้งที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ สมัยแรก โดยเฉพาะการหยิบยกเอาประเด็นที่ว่าจะทำให้ประเทศไทยสูญเสียเกาะกูดให้กัมพูชา
เหมือนย้อนเอาบรรยากาศเก่า ๆ ในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง ทั้งก่อนและหลังรัฐประหาร 2549 และก่อนรัฐประหาร 2557 การที่ อดีตนายกฯทักษิณ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำกัมพูชา ทำให้กลุ่มที่คัดค้านอดีตนายกฯทักษิณ จับจ้องรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ในเรื่องความสัมพันธ์กับกัมพูชาหลายเรื่อง
รวมถึงมีการหยิบยกเอากรณี ปราสาทพระวิหาร ซึ่งศาลโลกตัดสินไว้ในปี 2505 ให้กัมพูชาชนะคดี ต่อมารัฐบาลกัมพูชาทำเรื่องขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยขณะนั้น ลงนามสนับสนุนในแถลงการณ์ร่วม เมื่อปี 2551 มาเคลื่อนไหวว่าขายชาติ จนพ้นจากตำแหน่ง และถูกร้องต่อ ป.ป.ช. ก่อนศาลฎีกาตัดสินยกฟ้องนายนพดลในปี 2558 ส่วนคดีเขาพระวิหารกลับสู่ศาลโลกอีกรอบ และศาลตัดสินโดยย้ำถึงคำตัดสินเมื่อปี 2505 อีกครั้งในปี 2556
สำหรับบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน หรือ MOU 2544 มีสาระสำคัญ ที่ผูกเอาเรื่องการเจรจาพื้นที่พัฒนาร่วม กับการเจรจาแบ่งเส้นเขตทางทะเลไว้ด้วยกัน ต้องเจรจาไปด้วยกัน จะแยกดำเนินการหรือเจรจาเฉพาะเรื่องหนึ่งเรื่องใดไม่ได้ เบื้องหลังของการผูกเอาไว้ เพื่อป้องกันการผลักดันให้เจรจาแต่เฉพาะการพัฒนาพื้นที่ แบ่งประโยชน์ ที่เจรจาได้โดยง่าย จนอาจทำให้ไทยเสียอำนาจต่อรองเรื่องเส้นเขตแดนกับกัมพูชา
โดยในห้วงเวลาที่ MOU ฉบับนี้เกิดขึ้น ใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ระบุว่าการเจรจาที่ไม่กระทบเส้นเขตแดน ไม่ต้องขอความเห็นชอบต่อรัฐสภา แต่ในกรณีเส้นเขตแดน ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา จากจุดนี้ ทำให้การยกเลิก MOU 2544 ตามที่มีเสียงเรียกร้อง มีแต่จะทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์ แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เคยขอให้ยกเลิก เนื่องจากปัญหาการเมืองที่กัมพูชาให้ความช่วยเหลือนายทักษิณขณะนั้น แต่หน่วยราชการต่าง ๆ ได้พิจารณาข้อดี ข้อเสีย และเห็นว่า ควรคงไว้ตามเดิม เพื่อประโยชน์ของประเทศ
ปัญหาที่โหมกระพือกันมาก คือ ต้องเลิก MOU 2544 เพราะจะทำให้ไทยเสียเกาะกูด ซึ่งไม่เป็นความจริง เกาะกูดเป็นของไทยทั้งนิตินัย คือ สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส เมื่อปี 1907 ระบุไว้ชัด และทางพฤตินัย มีคนไทย หน่วยราชการไทย ใช้เกาะกูดเป็นที่พำนัก ทำอาชีพ
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายคัดค้านระบุว่ามีเอกสารของฝ่ายกัมพูชา ลากเส้นเขตแดนในลักษณะที่น่าจะเกิดปัญหาการตีความเกี่ยวกับเกาะกูด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกฎหมายชี้ว่า เป็นการอ้างของฝ่ายกัมพูชา ฝ่ายเดียว ทางไทยไม่ได้เห็นด้วย มีการโต้แย้งและทักท้วงบนโต๊ะเจรจามาตลอด
ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาทั้งเรื่องเขตแดนและทรัพยากร การเจรจาของ 2 ประเทศควรเกิดขึ้น และเป็นไปตามแนวทางที่โปร่งใสสองฝ่ายได้ประโยชน์อย่างเป็นธรรม ทั้งเรื่องเส้นเขตแดนและทรัพยากร และเกิดความเข้า่ใจที่ดีระหว่างประชาชนสองประเทศ