ส่องนโยบายประชุม COP29 แผนพลังงานไฮโดรเจน หนึ่งในเป้าหมายหลัก

COP29
บรรยากาศในสถานที่จัดการประชุม COP29 ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน (ภาพโดย Alexander NEMENOV / AFP)
คอลัมน์ : นอกรอบ

การประชุม COP29 ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ระหว่างวันที่ 11- 22 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งมีภาคีสมาชิกจำนวน 198 ภาคีเข้าร่วมประชุม มีการอัพเดตแผนการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contributions : NDCs) ฉบับใหม่ พร้อมทั้งพิจารณาเป้าหมายทางการเงินใหม่ (NCQG) และข้อผลักดันอื่น ๆ ของประเทศเจ้าภาพ เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานในการช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

ส่วนประเทศไทยมีการนำแผน NDC ใหม่ (NDC 3.0) สำหรับแผนดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกในช่วงก่อนปี 2035 และผลการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา เช่น พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, Thailand Taxonomy ระยะที่ 2 รวมถึง “กลไกการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ” ไปเสนอที่ประชุม

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ใน COP29 จะมีการผลักดันในประเด็นที่ต่อเนื่องจากการประชุม COP28 และครั้งก่อน ๆ เช่น ยกระดับเป้าหมาย Nationally Determined Contributions (NDCs) ให้เป็น NDC 3.0 เพื่อให้ยังคงอยู่ภายใต้แนวทาง 1.5 องศาเซลเซียส โดยกำหนดแผนงานการดำเนินการของประเทศจนถึงปี 2035 เช่น การรายงานผลการประเมินสถานการณ์ดำเนินงานระดับโลก (Global Stocktake: GST) และเป้าหมายระดับโลกด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง (Global Goal on Adaptation: GGA)

นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาข้อกำหนดของกลไกคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานตาม Core Carbon Principles ในกรณีการวัดการนับซ้ำ (Double-Counting) ที่กลไกของ Article 6.4 ตามข้อตกลงปารีสที่ยังไม่ครอบคลุม

กำหนดเป้าหมายทางการเงินใหม่

พร้อมกันนี้จะมีทั้งพิจารณาเป้าหมายทางการเงินใหม่ (New Collective Quantified Goal on Climate Finance: NCQG ) และข้อผลักดันอื่น ๆ ของประเทศเจ้าภาพเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานในการช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศที่จำเป็นเร่งด่วนในประเทศกำลังพัฒนา

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการกำหนดเป้าหมายทางการเงินใหม่ (NCQG) อยู่ที่ประมาณ 1.1-1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นทุนสนับสนุนดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศที่จำเป็นเร่งด่วนในประเทศกำลังพัฒนา ให้บรรลุเป้าหมายความตกลงปารีส และให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศเหล่านั้น จากเป้าหมายเดิมที่กำหนดเพียงจำนวน 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ADVERTISMENT

โดยเริ่มกองทุนใหม่ ได้แก่ Climate Finance Action Fund (CFAF) ซึ่งจะพิจารณาจัดสรรเงินทุนจากประเทศผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อนำไปช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบ และ the Baku Initiative for Climate Finance Investment and Trade (BICFIT) เพื่อเชื่อมโยงความช่วยเหลือทางการเงินเข้ากับการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศต่าง ๆ

4 ประเด็นผลักดันเวที COP29

ประเด็นหลักคือการประชุม COP29 ครั้งนี้ ประธานการประชุม H.E. Mukhtar Babayev มีเป้าหมายผลักดันอุตสาหกรรมแบตเตอรี่, พลังงานไฮโดรเจน, การจัดการขยะและของเสีย และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ให้มีบทบาทด้านการช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้น

ADVERTISMENT

โดยข้อมูลจาก COP 29 Presidential Action Agenda ได้ระบุถึงความคิดริเริ่มเป้าหมายต่าง ๆ 4 ประเด็นหลัก คือ

1.Energy Storage and Grids – เป้าหมายสร้างปริมาณการกักเก็บพลังงาน ให้ได้ 6 เท่าของปริมาณในปี 2022 และเพิ่มเป็น 1,500 กิกะวัตต์ในปี 2030

2.Hydrogen Action – สร้างตลาดการซื้อขายไฮโดรเจนจากพลังงานสะอาด และสินค้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงลดข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น ข้อจำกัดทางการเงิน เทคโนโลยี กฎระเบียบมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

3.Methane Reduction from Organic Waste – เป้าหมายเพื่อลดการปล่อยมีเทนจากของเสียและอุตสาหกรรมอาหารเพื่อยังคงอยู่ภายใต้เป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียส

4.Climate Action in Tourism – สร้างความยั่งยืนให้กับภาคการท่องเที่ยวให้อยู่ในแผน NDCs ของประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อรวมแผนการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG)

นำเสนอแผนประเทศไทย

สำหรับแผนดำเนินการของประเทศไทย จะมีการนำผลการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 3 (Thailand Climate Action Conference: TCAC 2024) ไปนำเสนอในการประชุม COP29 ในฐานะที่เคยประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065

โดยจะมีการนำเสนอรายละเอียด สิ่งที่ประเทศไทยได้ดำเนินการไปแล้วหรือกำลังจะทำดังนี้

1.ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

  • กำหนดให้จัดทำฐานข้อมูล และรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • สร้างกลไกเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคบังคับ เช่น ระบบ Emission Trading Scheme และ Carbon Tax
  • เชื่อมโยงคาร์บอนเครดิตกับตลาดหลักทรัพย์เพื่อเป็นตลาดหลัก

2.Nationally Determined Contribution

  • กำหนดเป้าหมาย NDC 3.0 ซึ่งเป็นเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก ภายในปี 2035 เพิ่มเติมจากแผนเดิมที่กำหนดเป้าหมาย 30-40% ภายในปี 2030
  • มีการกำหนดเป้าหมายในแต่ละสาขา ได้แก่ พลังงาน ขนส่ง อุตสาหกรรม ของเสีย เกษตร และการใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) ในโครงการนำร่องแหล่งอาทิตย์
  • กำหนดการส่งมอบเอกสารอย่างเป็นทางการแก่ UNFCCC ในช่วงต้นปี 2025

3.Internationally Transferred Mitigation Outcomes: ITMOs

  • – นำเสนอผลการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตของประเทศไทยกับสมาพันธรัฐสวิส ซึ่งเป็นการดำเนินการได้เป็นครั้งแรกของโลก จำนวน 1,916 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq)

4.the First Global Stocktake

  • เสนอสถิติภัยพิบัติ และความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียน ในช่วงปี พ.ศ. 2567 เพื่อให้เป็นประโยชน์ในการเข้าถึงกองทุน Loss and Damage สำหรับไทยและประเทศในภูมิภาค

5.Thailand Taxonomy Phase II (อยู่ระหว่างเปิดรับฟังข้อคิดเห็น) ครอบคลุม 4 ภาคเศรษฐกิจ ได้แก่ 1) ภาคเกษตร รวมถึงปศุสัตว์ ประมง และป่าไม้ 2) ภาคอาคารและอสังหาริมทรัพย์ 3) ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และ 4) ภาคการจัดการของเสีย เพื่อให้สถาบันการเงินนำไปปรับใช้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ผลของการผลักดันการดำเนินด้านสิ่งแวดล้อมคงจะมาจากการปรับตัวของบริษัทขนาดใหญ่ที่จะส่งผลไปสู่บริษัทขนาดเล็ก รวมถึง SMEs ที่จะเป็นความเสี่ยงให้ต้องเร่งปรับตัวตาม

ขณะที่การประชุม COP29 คงจะส่งผลให้ทิศทางของทุกภาคส่วนเปลี่ยนไปมากขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดที่จะมีการผลักดันการใช้พลังงานไฮโดรเจน และประเด็นการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ได้รับการผลักดันในระดับภูมิภาคอาเซียน