คอลัมน์ สตาร์ตอัพ “ปัญหา” ทำ “เงิน” : Universal Standard สวยมีสไตล์ “สาวไซซ์ใหญ่”

ภาพจาก Facebook : Universal Standard

คอลัมน์ สตาร์ตอัพ “ปัญหา” ทำ “เงิน”
โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

 

ปัญหาอมตะสำหรับสาว ไซซ์ใหญ่ คือ การหาเสื้อผ้าใส่ลำบากที่มีขาย ๆ อยู่ ก็มาแบบกะพร่องกะแพร่ง บางตัวแบบได้ ไซซ์ไม่ได้ บางตัวไซซ์ได้แบบไม่ผ่าน ครั้นเจอทั้งแบบที่ใช่ และไซซ์ที่ชอบดันใช้ผ้าสังเคราะห์คุณภาพต่ำจนน่ากลัวว่าหากเผลอเดินเร็ว ๆ อาจลุกติดไฟขึ้นมาก็เป็นได้

สตาร์ตอัพที่เราจะนำเสนอในวันนี้ มีชื่อว่า Universal Standard ผู้อาสาทลายขีดจำกัดด้านแฟชั่นให้สาวไซซ์ใหญ่โดยเฉพาะค่ะ

“อเล็กซานดร้า วอล์ดแมน” อดีตนักข่าวสายแฟชั่น ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ขึ้นมาจากความอัดอั้นตันใจส่วนตัวล้วน ๆ เพราะตัวเธอเองเป็นสาวไซซ์ใหญ่ที่ถวิลหาเสื้อผ้าแบบเรียบ ๆ สไตล์ Minimalist มาเนิ่นนาน

แต่ในชีวิตจริงกลับพบแต่ชุดลายดอก หรือไม่ก็เสื้อสีหวานดุจโรตีสายไหม อดรนทนไม่ไหว เธอจึงตัดสินใจชวนเพื่อนสาวอีกคนมาตั้งบริษัทของตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไป

โดยวางแนวทางไว้ว่าจะผลิตเสื้อผ้าสำหรับสาว ๆ ตั้งแต่ไซซ์ 10 ถึง 28 เน้นดีไซน์เรียบ เท่ ดูดี ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยผ้าคุณภาพดีไม่แพ้แบรนด์ดัง ใส่แล้วพอดีกับรูปร่าง ตัดปัญหาใส่แล้วปลิ้นแน่นเป็นแหนม หรือย้วยเป็นเปลญวน

เธอเลือกวางตำแหน่งสินค้าให้เป็นเสื้อผ้า “ไฮแฟชั่น” ราคาพรีเมี่ยม เพราะมองว่ากลุ่มสาวไซซ์ใหญ่ที่มีกำลังทรัพย์และพร้อมจ่ายมีจำนวนมากแต่ยังขาดการเหลียวแล ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขจากการสำรวจที่พบว่า มีสาวอเมริกันถึง 67% ที่สวมเสื้อผ้าไซซ์ 14 ขึ้นไป และกว่า 80% พร้อมจะควักกระเป๋าลงทุนกับเสื้อผ้ามากขึ้น หากมีแบบที่โดนใจและมีคุณภาพคู่ควรกับราคา

ที่น่าสนใจ คือ ในขณะที่อเล็กซานดร้ามองเห็นโอกาส ผู้ผลิตรายใหญ่หลายรายกลับมองเห็นแต่ปัญหา อาจเป็นเพราะไปให้ค่ากับอีกตัวเลขหนึ่งมากกว่า นั่นคือตัวเลขที่บอกว่าสาวไซซ์ใหญ่เป็นเพียง 18% ของจำนวนผู้บริโภคที่ซื้อเสื้อผ้าทั้งหมด

พอเห็นตัวเลขนี้เข้าหลายบริษัทเลยพากันสันนิษฐานว่าคงเพราะสาวร่างใหญ่ไม่ชอบแต่งตัว เลยไม่นิยมซื้อเสื้อผ้า หรือไม่ก็เป็นพวกไม่ค่อยมีเงินเลยไม่ช็อปกระหน่ำเหมือนคนอื่น ๆ ทั้งที่สาเหตุที่พวกหล่อนไม่ซื้อเสื้อเยอะ อาจเป็นเพราะมันไม่มีตัวเลือกที่ดีพอและคู่ควรก็เป็นได้

ดังนั้น เมื่อมีแบรนด์อย่าง Universal Standard ออกมาตอบโจทย์ทั้งในแง่ดีไซน์ และคุณภาพ ลูกค้าก็พร้อมเทใจให้ทันที โดยคอลเล็กชั่นแรกที่มี 8 ดีไซน์ ผลิตมาชิมลางอย่างละ 1,000-3,000 ตัว ขายหมดเกลี้ยงในแค่ 6 วัน ทุกวันนี้บริษัทก็ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในทุกไตรมาส ตลอด 2 ปีที่เปิดกิจการมา

นอกจากจะมีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอแล้ว สตาร์ตอัพแห่งนี้ยังไม่ต้องเสียเงินเช่าพื้นที่ เพราะเลือกขายตรงถึงมือลูกค้าผ่านเว็บไซต์ทำให้ลดภาระต้นทุนไปมากโข

ขณะเดียวกัน เพราะเข้าใจหัวอกลูกค้าหลายคนว่า ลังเลไม่กล้าลงทุนกับเสื้อผ้า เนื่องจากไม่รู้ว่าตนเองจะอ้วนขึ้นหรือผอมลงในอนาคต บริษัทเลยออกโปรแกรม “Universal Fit Liberty” ให้นำสินค้าเก่ามาแลกตัวใหม่ โดยเปลี่ยนไซซ์ ได้ตลอดในเวลา 1 ปี ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่มัดใจลูกค้าได้อยู่หมัดอีกวิธีหนึ่ง

ปีที่แล้ว Universal Standard ระดมทุนมาได้ 1 ล้านเหรียญ จึงมีแผนจะทำมาร์เก็ตติ้งจริงจัง พร้อมกับจ้างพนักงานประจำให้เป็นเรื่องเป็นราว นอกจากนี้ยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ Nordstorm เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้นอีก

แต่ถึงจะออกสตาร์ตได้น่าประทับใจ Universal Standard ก็ไม่ได้ชะล่าใจ ยังขยันผลิตเสื้อผ้าแบบใหม่ทุกอาทิตย์ เพราะรู้ว่าเทรนด์เสื้อผ้าสำหรับสาวไซซ์ใหญ่กำลังเป็นที่จับตามากขึ้น ดูได้จากในงานนิวยอร์ก แฟชั่นวีกครั้งล่าสุด ที่มีนางแบบไซซ์ใหญ่เข้าร่วมรันเวย์ถึง27 คน เพิ่มจาก 12 คนในซีซั่นก่อน

นี่น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีเพราะหมายถึงการที่สาวไซซ์ใหญ่จะมี ตัวเลือกมากขึ้น และไม่แน่ว่าวันหนึ่งข้างหน้า เราอาจได้เห็นความหลากหลายของแฟชั่นที่พร้อมดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยไม่เอารูปร่างมาเป็นตัวกำหนดเพื่อกีดกั้นใครอีกต่อไปค่ะ

 

ภาพจาก Facebook : Universal Standard