ซูเปอร์มาร์เก็ต Seven & i เนื้อหอม กลุ่มทุนใหญ่แห่เสนอซื้อกิจการ

ซูเปอร์มาร์เก็ต Seven & i เนื้อหอม กลุ่มทุนใหญ่แห่เสนอซื้อกิจการ
คอลัมน์ : Market Move

อิโต-โยคาโด (Ito-Yokado) ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตของยักษ์ค้าปลีกสัญชาติญี่ปุ่น เซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้ง (Seven & i Holdings) แยกออกมาตามแผนปรับโครงสร้าง-เพิ่มมูลค่าบริษัทด้วยการโฟกัสกับธุรกิจร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นเพียงอย่างเดียวนั้น กำลังเนื้อหอมสุดขีดหลังกลุ่มทุนใหญ่ทั้งจากสหรัฐอเมริกาและในญี่ปุ่นเอง รวม 7 รายแห่ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการธุรกิจนี้

สำนักข่าว “นิกเคอิ เอเชีย” รายงานว่า กลุ่มทุนใหญ่ทั้งสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น อาทิ เบนแคปปิตอล, เคเคอาร์, ฟอร์เทรส อินเวสเมนท์ กรุ๊ป, ซูมิโตโม คอร์ป และพันธมิตรอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Industrial Partners) เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มผู้ยื่นข้อเสนอซื้อบริษัท ยอร์ค โฮลดิ้งส์ บริษัทตัวกลางที่เซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้ง ตั้งขึ้นมาเป็นตัวแทนถือสิทธิในกิจการซูเปอร์มาร์เก็ตอิโต-โยคาโด และธุรกิจอื่น ๆ อีก 30 บริษัทที่แยกตัวออกมา เมื่อเดือนตุลาคม 2024

โดยหลังจากนี้ยักษ์ค้าปลีกญี่ปุ่น จะเปิดให้กลุ่มผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านการคัดเลือกเข้าประเมินมูลค่าทรัพย์สินของยอร์ค โฮลดิ้งส์ ในช่วงต้นปี 2025 ก่อนจะตัดสินใจเลือกผู้ได้รับสิทธิซื้อกิจการอีกครั้งใน 2-3 เดือนหลังจากนั้น

ทั้งนี้ ตามแผนปฏิรูปโครงสร้างที่เซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้ง เปิดเผยออกมาเมื่อเดือนตุลาคมนั้น เมื่อการปรับโครงสร้างมีผลในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 บริษัท ยอร์ค โฮลดิ้งส์ จะมีบริษัทในเครือรวมทั้งหมด 31 บริษัท อาทิ เชนซูเปอร์มาร์เก็ตอิโต-โยคาโด และยอร์ค เบนิมารุ (York Benimaru) รวมไปถึงบริษัทย่อยที่ขายสินค้าสำหรับเด็กและของใช้ในครัวเรือน

เซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้ง วางแผนขายหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท ยอร์ค โฮลดิ้งส์ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 เพื่อรวบรวมทรัพยากรการจัดการไปโฟกัสกับธุรกิจร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก

อย่างไรก็ตาม แม้ความเคลื่อนไหวนี้จะได้รับความสนใจล้นหลามจากกลุ่มทุนทั้งในและนอกญี่ปุ่น แต่ในกลุ่มนักวิเคราะห์การลงทุนยังคงมีความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่าย ตัวอย่างเช่น “ทาคาฮิโระ คาซาฮายะ” นักวิเคราะห์อาวุโสของ UBS Securities กล่าวว่า การแยกธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตอิโต-โยคาโด ออกมานั้นจะเป็นผลบวกอย่างมากต่อเซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้ง

ADVERTISMENT

เนื่องจากสภาพการแข่งขันที่เปลี่ยนไป อย่างการเกิดขึ้นของร้านสินค้าแฟชั่นและของใช้ในบ้าน อย่างยูนิโคล และนิโตริ ทำให้อิโต-โยคาโด ถดถอยลงอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 ซึ่งเป็นจุดรุ่งเรืองสูงสุด อิโต-โยคาโด มีร้านค้า 182 ร้าน แต่ปัจจุบันบริษัทกำลังลดจำนวนสาขาลงให้เหลือ 93 ร้าน ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 เท่ากับการมีจำนวนร้านค้าลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งในเวลา 9 ปี

โดยอิโต-โยคาโด เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผลดำเนินงานของยักษ์ค้าปลีกลดลง จนมีการรายงานผลประกอบการขาดทุน 4 ปีติดต่อกัน คิดเป็นมูลค่า 25,900 ล้านเยน สำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 จนทำให้ต้องควบรวมกิจการกับซูเปอร์มาร์เก็ตยอร์ค เมื่อปี 2023 และถอนตัวจากธุรกิจแฟชั่น

ADVERTISMENT

ขณะเดียวกัน “นัตสึโกะ ดักลาส” นักวิเคราะห์วิจัยจาก Macquarie Capital ตั้งข้อสังเกตว่า การแยกธุรกิจครั้งนี้อาจส่งผลลบกับสินค้าอาหารของเซเว่นอีเลฟเว่น เนื่องจากที่ผ่านมาเซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้ง เน้นความร่วมมือระหว่างธุรกิจร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ต โดยเฉพาะด้านการแปรรูปอาหารและการบริหารจัดการซัพพลายเชน แต่เชื่อว่าเซเว่นอีเลฟเว่นจะจัดการความท้าทายนี้ได้ ด้วยโนว์ฮาวที่สะสมมาและเครือข่ายความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์รายอื่น ๆ

ในช่วงต้นปี 2025 ต้องจับตาดูว่า ผู้ร่วมเสนอซื้อกิจการรายใดจะได้รับเลือกให้ซื้อกิจการธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตอิโต-โยคาโด และอีก 30 บริษัทไปครอง และเจ้าของใหม่รายนี้จะต่อยอดธุรกิจต่าง ๆ อย่างไร