
บทบรรณาธิการ
ดูเหมือนว่า ปีนี้ฤดูฝุ่นมลพิษ PM 2.5 จะมาเร็วและดูรุนแรงกว่าเดิม ทั้งนี้ ตามวงจรของการเกิดฝุ่นมลพิษตามปกติที่ประชาชนรู้สึกได้ก็จะเริ่มต้นขึ้นราวเดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายน โดยค่าฝุ่นมลพิษจะลดลงเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝน แต่ขณะนี้ปรากฏ ค่าฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ระลอกแรกในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลพุ่งสูงขึ้นจนถึงขีด “สีแดง” หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพเกือบทั่วทุกเขตของกรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดก็เริ่มมีรายงานค่าฝุ่นพุ่งขึ้นสูงทั้งที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและเป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน
ทั้งนี้ มีการแบ่งระดับสีของค่าฝุ่น PM 2.5 ออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ สีฟ้า (0-25 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) กับสีเขียว (26-37 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) บอกถึงเขตอากาศดี มีปริมาณฝุ่นน้อยถึงน้อยมาก ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและไม่ต้องใส่หน้ากาก ขยับขึ้นไปค่าฝุ่นเป็นสีเหลือง (38-50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) หรือมีสถานการณ์ฝุ่นอยู่ในระดับปานกลาง แต่ยังสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้
แต่หากค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงขึ้นไปถึงระดับสีส้ม (51-90 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) และระดับสีแดง (91 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป) นั้นหมายความว่า สถานการณ์ฝุ่นเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพไปจนกระทั่งถึงระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพจนต้องงดกิจกรรมกลางแจ้งและต้องใส่หน้ากากป้องกันในที่สุด
ข้อมูลจากสถานีตรวจวัดอุตุนิยมวิทยาใกล้ผิวดินและมลสารทางอากาศ (KU TOWER) เพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า จากการเก็บตัวอย่างฝุ่นวัดที่ระดับความสูง 5 ระดับ คือ 10-30-50-75 และ 110 เมตร ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานคร ตัวเลขสูงสุดจะอยู่ระหว่าง 50-60 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร แต่เมื่อตัวเลขพุ่งขึ้นสูงจนถึงระดับสีส้มและสีแดง นั้นแสดงว่า มีฝุ่นจากข้างนอกเข้ามาเติม
ซึ่งพบว่าเป็นเรื่องของฝุ่นที่มาจากการเผาไหม้ชีวมวลลอยเข้ามาแล้วจมตัวอยู่ในกรุงเทพฯ หรือเข้ามาเติมกับฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากกิจกรรมการขนส่ง การจราจร รถยนต์ที่ใช้เครื่องสันดาปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องยนต์ดีเซล ที่เกิดขึ้นตามปกติอยู่แล้ว จนทำให้ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯปรับเพิ่มขึ้นจากสีเหลืองมาเป็นสีส้มและสีแดงในที่สุด
แม้ในแผนรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองปี 2568 ฉบับล่าสุดของรัฐบาลในส่วนของ “การควบคุมฝุ่นละอองในเขตเมือง” จะกำหนดห้ามไม่ให้รถบรรทุกขนาดใหญ่เข้ามาวิ่งในเขตเมืองในช่วงวิกฤตฝุ่น ตลอดจนการตรวจจับควันดำ ระงับการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ และจูงใจให้ลดปริมาณการใช้รถส่วนตัวลงไปแล้วก็ตาม แต่มาตรการเหล่านี้ยังไม่เพียงพอและยังมีข้อสงสัยถึงประสิทธิภาพที่จะได้รับ
ดังนั้น เพื่อเป็นการลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 เป็นการเฉพาะหน้าในเขตเมือง จึงควรที่จะต้องสั่งการ “ห้าม” การเผาขยะ-ชีวมวล-การเกษตรทุกประเภทที่เกิดขึ้นในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑลและจังหวัดข้างเคียงลงทันที ส่วนขั้นตอนต่อไปก็จะต้องควบคุมการเผาในพื้นที่ป่า-การเกษตร และการเผาข้ามแดน ที่จะเกิดขึ้นเป็นลำดับถัดไปด้วย