ปิดประตูข้าวนาปรังตันละหมื่น

คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อ “กดดัน” รัฐบาลให้ออกมาตรการช่วยเหลือ หลังราคาข้าวเปลือกนาปรังที่เริ่มทยอยออกสู่ตลาดมีราคาตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย โดยราคาข้าวเปลือกขาวเฉลี่ยอยู่ที่ 8,650 บาท/ตัน หรือลดลงถึง 30% จากราคาเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ราคา 12,500 บาท/ตัน ข้าวเปลือกปทุมราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 12,100 บาท/ตัน หรือลดลงจากราคาเฉลี่ยปีก่อนที่ 14,400 บาท/ตัน ขณะที่ปริมาณข้าวเปลือกนาปรังปีนี้ (2567/68) คาดการณ์จะมีผลผลิตประมาณ 6.58 ล้านตันข้าวเปลือก หรือเพิ่มขึ้น 1.08 ล้านตัน

ราคาข้าวเปลือกนาปรังที่ลดลงขณะนี้ ไม่ได้เพิ่งลดลงทันที แต่ราคาข้าวเริ่มขยับลงต่ำมาตั้งแต่ปลายปี 2567 จากเหตุผลที่มีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตข้าวนาปรังที่เพิ่มสูงขึ้น ราคาข้าวขาว 5% ในตลาดโลกแข่งขันกันรุนแรง ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ได้หันกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้ง

โดยข้าวขาว 5% ไทยมีราคาอยู่ระหว่าง 415-420 เหรียญ FOB/ตัน ส่วนข้าวขาวเวียดนามอยู่ที่ 390 เหรียญ ข้าวอินเดีย 400 เหรียญ และข้าวปากีสถานอยู่ที่ 395 เหรียญ นั่นหมายความว่า ข้าวไทยมีราคาสูงสุด

ด้านประเทศผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญอย่างฟิลิปปินส์-อินโดนีเซีย ขณะนี้ก็ลดหรือยังไม่มีคำสั่งซื้อข้าวลง ส่วนจีน แม้จะมี MOU จะซื้อข้าวไทยก็เป็นเพียงแค่การแสดงความต้องการที่จะซื้อเท่านั้น แต่ยังไม่มีการทำสัญญาซื้อขายจริงในปริมาณที่มากพอจะส่งผลทางจิตวิทยาต่อราคาข้าวภายในประเทศได้

ดังนั้น เมื่อไม่มีคำสั่งซื้อข้าวเข้ามา ทั้งหมดนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญให้ราคาข้าวนาปรังลดลง “ต่ำกว่า” ต้นทุนการปลูกข้าวของชาวนาในปัจจุบันที่ตั้งเอาไว้ระหว่าง 5,500-6,000 บาท/ไร่

ดังนั้น สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย จึงได้ออกมาเรียกร้องกดดันรัฐบาลขอให้ช่วยเหลือทางด้านราคาข้าว 3 ข้อ ได้แก่ ขอเงินชดเชยการห้ามเผาฟางข้าวไร่ละ 500 บาท ตามพื้นที่เพาะปลูกจริง ขอเงินช่วยเหลือราคาข้าวตกต่ำไร่ละ 500 บาท จ่ายตามพื้นที่ปลูกจริงจากการขึ้นทะเบียนเกษตรกร และขอความช่วยเหลือเรื่องของปัจจัยการผลิต

ADVERTISMENT

ขณะที่รัฐบาลโดยคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ดูเหมือนเพิ่งจะรับรู้สถานการณ์วิกฤตในเรื่องของราคาข้าว ทั้ง ๆ ที่มีสัญญาณเตือนมาก่อนหน้านี้แล้ว

โดยคณะอนุกรรมการได้เร่งออกมาตรการช่วยเหลือด้วยการให้สินเชื่อ เป็นค่าฝากเก็บเพื่อชะลอข้าวนาปรังออกสู่ตลาดระหว่าง 500-1,500 บาท/ตัน ชดเชยดอกเบี้ย 6% ให้โรงสีข้าวเก็บสต๊อก และการเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา คาดการณ์ชาวนาจะขายข้าวได้ในราคา 8,000-8,500 บาท/ตัน หรือไม่ถึงตันละ 10,000 บาท

ADVERTISMENT

และยังไม่รู้ว่ามาตรการเหล่านี้เอาเข้าจริงแค่พยุงไม่ให้ราคาข้าวเปลือกต่ำลงไปกว่าตันละ 8,000 บาทในช่วงที่ข้าวนาปรังจะออกสู่ตลาดสูงสุดในเดือนมีนาคม-เมษายนได้หรือไม่