
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : กฤษณา ไพฑูรย์
ร้อนระอุกว่าอุณหภูมิเดือนเมษายน คงเป็นเรื่องทุเรียนไทยปนเปื้อน สารย้อมสี Basic Yellow 2 หรือ BY2 และแคดเมียม ที่จีนยังตรวจพบเรื่อย ๆและแจ้ง “ไม่รับรอง” ผลตรวจ “แล็บไทย” โดยล่าสุดระงับไป 3 แห่งจาก 6 แห่ง แม้หลังสุดจีนได้ขึ้นทะเบียนแล็บไทยเพิ่มใหม่อีก 5 แห่ง รวมเป็น 8 แห่ง แต่แล็บไทยมีโอกาสถูกปิดอีก
ทำให้ล่าสุดชาวสวน และล้งส่งออกร้อนใจนั่งกันไม่ติด จึงรวมตัวกันในนามของสมาพันธุ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออก สมาคมทุเรียนไทย สมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย และหอการค้าจังหวัดจันทบุรีได้รวมกับหอการค้าใต้ และอีสานอีก 10 จังหวัด ยื่นหนังสือเรียกร้องให้นายกฯไปเจรจากับจีน เพื่อแก้ไขปัญหา เพราะทุเรียนกว่า 8 แสนตัน จะเริ่มออกมากขึ้น
พร้อมตั้งข้อสังเกต 2 ประเด็น จีนกำหนดค่ามาตรฐานสาร BY2 จัดอยู่ในกลุ่มสารที่อาจจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งระดับ Class 2 จึงกำหนดต้องตรวจไม่พบ คือ ต้องมีค่าต่ำกว่า 0.5 ppb หรือ 0.0005 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับ “สารกำจัดแมลง” ในกลุ่มสารก่อมะเร็งระดับ Class 1 ซึ่งอนุญาตให้มีได้ถึง 0 ppb หรือ 1,000 ppb คือ ต่ำกว่ามาตรฐาน “สารก่อมะเร็งร้ายแรงถึง 2,000 เท่า”
แสดงให้เห็นถึง “ความไม่สมเหตุสมผล”ของมาตรการจึงขอให้ภาครัฐไปเจรจากับจีน ขอใช้มาตรฐานตรวจสอบสาร BY2 แบ่งเป็น 2 ค่า คือ ที่เนื้อทุเรียนให้ตรวจแบบไม่พบ (Not Detected) แต่เปลือกขอให้มีเกณฑ์ขั้นต่ำคือ 10 ไมโครกรัมต่อกก.หรือ 10 ppb
นอกจากนี้ การพบสารปนเปื้อนช่วงหลังเฉพาะที่เปลือก จึงตั้งข้อสังเกตว่า สารตกค้างอาจมาจากกล่องบรรจุทุเรียน ซึ่งล้งจีนนำเข้ามาใช้หรือไม่
ขณะที่ฝุ่นตลบอยู่ ๆ องค์กรตรวจสอบและรับรองแห่งชาติจีน (CCIC) มีคณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารทรัพย์สินแห่งรัฐภายใต้ “รัฐสภาจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่” ได้ส่งหนังสือมาถึงกระทรวงเกษตรฯเสนอว่า บริษัทมีสาขาในไทยจะขอให้มอบอำนาจให้บริษัทเข้ามาทำหน้าที่ควบคุมตรวจสอบคุณภาพของทุเรียนไทยทุกกระบวนการผลิตตั้งแต่สวน ล้ง แล็บ เพื่อออกใบรับรองส่งให้สำนักงานศุลกากรจีน (GACC) เพื่อสร้างความมั่นใจให้จีนเอง
ย้อนไปปี 2563 ช่วงไวรัสโควิดระบาด การส่งออกทุเรียนวิกฤตรถบรรทุกไปติดหน้าด่านจีนที่ตรวจเชื้อไวรัสเข้มทำให้เกิดความล่าช้า “บริษัท CCIC (ประเทศไทย) จำกัด” โผล่พรวดมายื่นข้อเสนอภาครัฐไทยว่า หากผู้ส่งออกทุเรียน มังคุด ไทยรายใดต้องการขนส่งสินค้าผ่านด่านจีนได้อย่างรวดเร็วขึ้น จะต้องซื้อสติ๊กเกอร์ของบริษัทไปติด QR Code ราคา 3,000 บาท/ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งล้งไม่เห็นด้วยเพราะเพิ่มต้นทุน และขอให้ระบุเป็นความสมัครใจไม่ใช่บังคับ
แหล่งข่าวในวงการส่งออกทุเรียนบอกว่า การเสนอตัวเข้ามาของบริษัทดังกล่าวเหมือนการให้โอนอำนาจการกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐไปไว้ในมือ และสามารถล้วงความลับทางการค้าของผู้ส่งออกทุเรียน ตั้งแต่สวนผลไม้ที่ไปซื้อ จนลูกค้าในตลาดจีน ซึ่งผู้ส่งออกกังวลกันมาก เพราะตามฐานข้อมูลการจดทะเบียนในประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2530 ล้วนมีบริษัทของเจ้าสัวใหญ่ ๆ เป็นผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น
อนาคตอาจจะเข้ามา “กินรวบ” ธุรกิจส่งออกทุเรียนมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท เป็นสิ่งที่หลายคนกังวลใจ