
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง หัวหน้าคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา หรือทีมไทยแลนด์ เลื่อนการเดินทางไปหารือกับทางรัฐบาลสหรัฐในปัญหาภาษีนำเข้า จากวันที่ 23 เม.ย.ออกไปก่อน หลังจากทางประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายขอเลื่อนกำหนดนัดเดิมออกไป
ขณะที่สถานการณ์การค้าโลกที่รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของนายทรัมป์ ยังอยู่ในสภาพฝุ่นตลบ จากการที่คู่ค้ายักษ์ใหญ่อย่างจีนไม่ถอย แต่ตอบโต้อย่างมีการตระเตรียม ด้วยการงดสั่งสินค้านำเข้าสำคัญอย่างถั่วเหลือง และข้าวโพด จากสหรัฐเข้าประเทศ ตั้งแต่ 16 ม.ค.ปีนี้ หรือ 1 วันก่อนหน้านายทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง รวมถึงเดินหมากการเมือง ผนึกกำลังกับประเทศที่รับผลกระทบ อย่างการมาเยือน 3 ประเทศอาเซียนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
รัฐบาลจีนยังมีท่าทีผ่านเว็บไซต์ของตนเองว่า ประเทศที่เจรจากับสหรัฐ อาจพบกับมาตรการตอบโต้จากจีน หากการเจรจานั้นกระทบต่อผลประโยชน์ของจีน และเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ มีจุดยืนที่ถูกต้อง โดยใช้คำว่า “ยืนในฝ่ายที่ถูกต้องทางประวัติศาสตร์” และ “ยึดมั่นในหลักการค้าระหว่างประเทศ”
ท่าทีดังกล่าว สื่อญี่ปุ่นเองระบุว่า เกิดขึ้นระหว่างญี่ปุ่นส่งคณะเจรจาไปพบกับประธานาธิบดีทรัมป์ จากปรากฏการณ์เหล่านี้ชี้ว่า สถานการณ์มีความตึงเครียดมากขึ้นและซับซ้อนมากขึ้นจากกระแสข่าวว่า ฝ่ายบริหารของสหรัฐเองกำลังแตกคออย่างหนักในเรื่องนโยบายภาษี
สถานการณ์ระหว่างสหรัฐ และประเทศต่าง ๆ น่าจะยืดเยื้อออกไปอีก รัฐบาลนอกจากเตรียมเจรจา ลดผลกระทบต่าง ๆ แล้ว ยังควรมุ่งสู่การปรับเปลี่ยน สร้างความเข้มแข็งจากภายใน โดยทุกฝ่ายควรร่วมมือกัน ดังที่มีแนวคิดที่น่าสนใจ จาก น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้รัฐบาลรื้อ และปรับปรุง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ให้เข้าสถานการณ์ และออก พ.ร.บ.กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อรับมือวิกฤตภาษีทรัมป์
การสู้วิกฤตนี้ ไม่ควรจบแค่การเยียวยา แต่ต้องฟื้นฟู และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งต้องใช้งบฯจำนวนมาก
พร้อมกับชี้แจงนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง รัฐบาล ปชป.ที่แย้งว่าเร็วไป ควรปรับลดค่าใช้จ่ายในงบฯว่า ขนาดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ผลกระทบจำกัดกว่านี้ รัฐบาลคุณกรณ์ยังใช้ไปเกือบ 400,000 ล้านบาท ตอนแรกขออนุมัติกรอบไว้ 800,000 ล้านด้วยซ้ำไป ถ้าเล่นบทฝ่ายค้านตามปกติ คงต้องค้านหัวชนฝาไปแล้วค่ะ แต่เห็นว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ จึงไม่อยากให้รัฐบาลปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไป