ส่งของขวัญมาให้นะที่รัก แต่ !

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย สร้อย ประชาชาติฯ

ปรากฏการณ์ “13 หมูป่า” ได้ตอกย้ำชื่อเสียงด้านความมีน้ำใจของคนไทยไปทั่วโลกอีกครั้ง แถมทำให้คนไทยเกาะติดโซเชียลมีเดียมากกว่าเดิม

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้สะดุดใจจนลุกขึ้นมาเขียนถึงเรื่องนี้ คือได้เห็นคอมเมนต์ในสื่อโซเชียลบางกลุ่ม พูดถึงกระแสความชื่นชมชาวต่างชาติถึงไปสืบเสาะตามหาช่องทางติดต่อคนนั้นคนนี้ ประจวบเหมาะกับการเจอกระทู้ในเว็บบอร์ดสาธารณะ (มากกว่า 1 กระทู้) สอบถามถึง “การนำพัสดุที่ถูกกักอยู่ในสุวรรณภูมิออกมา” ซึ่งเมื่อซักไซ้ไปมา ก็ได้ความว่า แฟนหนุ่มในโลกออนไลน์ส่งแหวนเพชรมาให้จากต่างประเทศ แต่เขาบอกว่า ถูกกักอยู่ที่สนามบิน จะเอาออกมาต้องเสียค่าใช้จ่าย ให้สาวเจ้าช่วยออกเงินให้ก่อน พร้อมบอกช่องทางมาเสร็จสรรพ

เป็นเรื่องราวตามสูตรสำเร็จโจรออนไลน์ เป๊ะ ! เมื่อค้นโปรไฟล์คนถามก็ไม่ใช่ตาสีตาสาอยู่หลังเขาแต่อย่างใด

น่าคิดว่า ยุค 4.0 เยี่ยงนี้ยังมีคนหลงเชื่อมุขโจรออนไลน์สุดแสนคลาสสิก ที่เรียกว่า “โรแมนซ์สแกม” ยิ่งค้นข้อมูลไปเรื่อย ๆ ยิ่งพบแก๊งโรแมนซ์สแกมยังถูกจับอยู่เรื่อย ๆ เฉพาะปีนี้ก็มีเกือบ 10 ราย บางรายพบว่ามีเงินในบัญชีหมุนเวียนหลายสิบล้านบาท หนักไปกว่านั้น เมื่อค้นข้อมูลจากเพจ Thai Anti Scam (สาวไทยรู้ทันกลลวง) @sao.thai.rutan.kolluang ยิ่งพบว่า คนที่ถูกหลอกแบบนี้ยังมีอยู่เรื่อย ๆ

ด้าน “โจร” ก็อัพเกรดวิธีหลอกลวงขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่แค่สวมรอยโชว์รูปโปรไฟล์ในสื่อโซเชียลเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีดูมีฐานะเท่านั้น เดี๋ยวนี้ copy รูปนาวิกโยธินสหรัฐ นักธุรกิจ-วิศวกร ชาวสหรัฐ-ยุโรป แม้แต่จีน เอามาสวมรอยแอบอ้างตัวตนมาเสร็จสรรพ ชนิดที่เรียกว่า ถ้านำรูปโปรไฟล์หรือชื่อไปค้นหาในกูเกิล ก็จะพบตัวตนจริงที่มีประวัติหน้าที่การงานดีเลิศ (แต่ก็ยังมีคนไม่เอะใจว่า แล้วกลุ่มคนเหล่านี้จะมีเวลาว่างมานั่งจีบสาว หรือมาหาคู่ผ่านทางโซเชียลทำไม) ต่างจากเดิมที่โจรใช้ชื่อปลอมสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ เรียกว่า “เนียน” ในการหลอกลวงมากขึ้นอีกระดับ

แต่เกือบจะร้อยทั้งร้อยที่ตำรวจจับได้ เป็น “แก๊งผิวสี” ที่ขยายฐานที่มั่นจากแถบแอฟริกามากบดานในประเทศไทย และทำงานกันเป็นขบวนการ หาคนไทยช่วยเปิดบัญชีธนาคารให้ เพื่อให้การโอนเงินทำได้ง่ายแค่ “คลิก” ไม่มีจังหวะให้เหยื่อลังเล แถมจะทำให้เมื่อมีคนในขบวนการส่งอีเมล์หรือโทร.มาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร ชิปปิ้ง บริษัทขนส่ง มาติดต่อเกี่ยวกับของขวัญแสนแพงที่ถูกกักไว้ ดู “เนียน” ขึ้น

แต่ก็ยังมีอีกสารพัดเหตุที่อาศัยความมีน้ำใจ มองโลกในแง่ดีของคนไทย ให้โอนเงินให้ ไม่ว่าจะเป็นป่วยหนักต้องรีบใช้เงินรักษา แม้กระทั่งเพิ่งได้รับมรดกมหาศาลแต่ต้องเสียภาษีโอน

ที่สำคัญคือ ตอนนี้ “ไม่ใช่แค่ผู้หญิง” ที่ตกเป็นเหยื่อ เรียกว่า “ทุกเพศสภาพ” พร้อมตกเป็นเป้าหมายได้ทั้งหมด

สิ่งที่จะป้องกันตัวเองได้อย่างแรก คือ พื้นฐานสามัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะสอนแต่อ้อนแต่ออกว่า “อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า” ยิ่งเห็นแต่ภาพผ่านหน้าจอ ในยุคที่ทุกอย่างเป็น “มายา” ขนาดรูปโปรไฟล์ในโซเชียลของหลาย ๆ คนก็ “ผ่านแอป” กันสารพัดกว่าจะโชว์

ขณะที่ “บก.ปอท.” กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจที่เกี่ยวข้องโดยตรง ยังเผยแพร่คำแนะนำเพิ่มว่า ถ้าเจออาการ “ตกหลุมรักอย่างรวดเร็ว” รู้จักไม่นานก็แสดงออกว่ารักมาก คลั่งไคล้สุด ๆ ตามต่อด้วยรู้จักกันไม่เท่าไร ก็มีเหตุต้องพึ่งพาขอความช่วยเหลือเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ กันเสียแล้ว ก็ควรต้อง “ฉุกคิด”

ยิ่งแชตคุยกันแต่ไม่ยอมให้เปิดกล้องให้เห็นหน้าเห็นตา หรือเปิดแต่ก็มีแสงสลัวเงาบัง แต่จุดนี้ก็อาจไม่วางใจได้ทั้งหมด เพราะมีการอัพเกรดกลโกงด้วยการบันทึก VDO call ของคนอื่นแล้วเอามาเปิดให้คู่สนทนาดูเพื่อสวมรอย ซึ่งในยุคนี้ก็ทำได้ง่ายมาก ด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำ แต่ก็จะยังมีจุดสังเกตคือ สิ่งที่พูดออกมาจะเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” กับที่กำลังคุยกันอยู่ ไม่สามารถมีปฏิกิริยาตอบกลับได้ทันทีทันใด

แต่ที่ต้องพึงระวังขึ้นไปอีกคือ เริ่มมีการหลอกถามข้อมูลส่วนตัวของ “เหยื่อ” เก็บไว้เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทร. อีเมล์ เลขบัญชีธนาคาร โดยอ้างว่าจะได้โอนเงินมาให้ใช้ สุดท้ายจาก “เหยื่อ” ก็ได้เลื่อนสถานะเป็น “นกต่อ” เพราะมีเงินโอนมาจริง แต่เป็นเงินที่หลอกเหยื่ออีกรายให้โอนมา แล้วโจรจะแจ้งให้ช่วยโอนต่อไปยังบัญชีนั่นนี่

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารท่วมหน้าจอทุกวัน แต่คนที่ “ไม่รู้” ก็ยังมีอยู่

สิ้นปีนี้รัฐบาลประกาศว่าทุกหมู่บ้านจะมีอินเทอร์เน็ตใช้ เตรียมทดสอบ 5G ผลักดันการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชาชนกันอย่างเต็มที่ แล้วการสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยพื้นฐานเหล่านี้ ได้คิดและเริ่มลงมือสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนหรือยัง อย่าปล่อยให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของโจร โดยมีจำนวนเหยื่อสะท้อนปัญหาระบบการศึกษาไทย