แค่…น้ำผึ้งหยดเดียว

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า [email protected]

กลายเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบปานปลายกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยไปแล้ว สำหรับกรณีเกิดเหตุเรือท่องเที่ยวล่มกลางทะเลภูเก็ต เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาและต้องยอมรับว่า “ประเด็น” ที่ทำให้ปัญหาบานปลาย คือ คำให้สัมภาษณ์ของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ได้ร่วมเดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ จ.ภูเก็ต พร้อมกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนจีนที่ทำกับนักท่องเที่ยวจีนเอง ทำเรือของเขาเอง ละเมิดฝ่าฝืนและทำผิดกฎหมายไทย เขาทำตัวของเขาเอง”

คำให้สัมภาษณ์ท่ามกลางบรรยากาศความโศกเศร้าของญาติผู้สูญเสียชาวจีนนี้ ถูกสื่อจีนทั้งหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ต่าง ๆ โจมตีอย่างหนักว่า “ไม่เหมาะสม” และไม่สมควรที่จะให้สัมภาษณ์แบบนี้ในเวลาเช่นนี้

และไม่เพียงแต่จะ “แสลงหู” สื่อจีนเท่านั้น ยังทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในฝั่งของไทยเองต่างก็วิตกกังวลไปด้วยไม่น้อยเช่นกัน

เพราะหวั่นว่า หากสื่อจีนที่เดินทางเข้ามาทำข่าวช่วยกันประโคมข่าวออกมาในมุมลบ ก็จะทำให้กระแสความไม่พอใจของกลุ่มคนจีนเหวี่ยงแรงขึ้น

จากการที่ผู้เขียนได้พูดคุยกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลายรายถึงการคาดการณ์ผลกระทบสำหรับเหตุการณ์นี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างมีความเห็นตรงกันว่า ผลกระทบจะสั้นหรือยาวแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่า เมสเสจที่สื่อจีนที่มาทำข่าวในช่วงที่เกิดเหตุการณ์จะออกมาในมุมลบหรือมุมบวกแค่ไหน อย่างไรมากกว่า

เพราะในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นนั้นต่างก็รับรู้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็น “อุบัติเหตุ” และเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ไม่เกิดจากการกระทำ หรือความประมาทของใคร

ขณะที่ภาครัฐของไทยก็เร่งให้ความช่วยเหลือ เยียวยาญาติผู้เสียชีวิตเป็นการด่วน เพื่อแสดงให้ชาวจีนเห็นว่า รัฐบาลให้ความสนใจ ดูแลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างดี แต่ก็ช่วยบรรเทาความไม่พึงพอใจของชาวจีนได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะสื่อจีนยังเดินหน้ารายงานข่าวโดยอ้างอิงการจัดลำดับโดยบริษัทประกันภัยเจ้าหนึ่งในอังกฤษว่า ไทยเป็นประเทศที่อันตรายสำหรับการท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก

โดยข้อมูลดังกล่าวมาจากตัวเลขของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่ซื้อประกันเพิ่มเมื่อมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ทั้งในเรื่องอุบัติเหตุ ทรัพย์สินสูญหาย รวมไปถึงเครื่องบินดีเลย์ พร้อมทั้งออกคำเตือนให้กับนักท่องเที่ยวจีนก่อนจะมาเที่ยวเมืองไทยอีกด้วย

ล่าสุด “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท. ได้อัพเดตข้อมูลให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 18-21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ เพื่อพบผู้ประกอบการนำเที่ยวรายใหญ่ของจีน ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการจีนยังมองว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีน ยาวไปถึงช่วงวันหยุดวันชาติจีน หรือที่เรียกกันว่า “โกลเด้นวีก” ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี เพราะยอดการจองแพ็กเกจทัวร์มาเที่ยวเมืองไทยของชาวจีนยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง

นั่นหมายความว่า รัฐบาลและผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยยังมีเวลาเรียกคืนความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวอีกเพียงแค่ 2 เดือนเต็ม ๆ เท่านั้น

โดยในส่วนของ ททท.นั้น ผู้ว่าการยุทธศักดิ์บอกว่า ระหว่างนี้ต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาทันในเดือนตุลาคมนี้ให้ได้ โดยผ่านมาตรการความปลอดภัยในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเร่งรัดการสอบสวนเหตุเรือล่มให้ได้ข้อสรุปเร็วที่สุด

รวมทั้งยังมีแผนเชิญ “วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เดินทางไปจีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลอีกทางหนึ่งด้วย

ในฟากของเอกชนไทยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเช่นกัน “วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า ได้ให้ข้อมูลว่า ทางสมาคมได้เลื่อนจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีนมาเป็นเดือนกันยายนนี้ ใน 4 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ เทียนจิน ชิงเต่า หนานจิง และเหอเฟย์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จำนวนมาก จากเดิมที่มีแผนเดินทางไปในช่วงปลายปี

ด้วยความหวังว่า จะช่วยเร่งกระตุ้นตลาดและฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาเที่ยวไทยเหมือนเดิม

ถ้าเป็นนิทานชาดก เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ไม่เช่นนั้นเรื่องเล็ก ๆ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที นั่นเอง