เริ่มต้นได้จากตัวเอง

แฟ้มภาพ

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย สมปอง แจ่มเกาะ


เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก่อนไปทำงาน ต้องแวะไปรับยาที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า

ช่วงเช้าคนไข้ยังไม่มาก นั่งรอเวลาห้องยาเปิด ดูโน่นดูนี่ไปเพลิน ๆ และไปสะดุดตากับป้ายรณรงค์การลดถุงพลาสติก บริเวณจุดรับบัตรคิวหน้าห้องยา ซึ่งเนื้อหาใจความ-รูปภาพบนป้ายดังกล่าว หลักใหญ่เป็นการรณรงค์ให้ประชาชนคนไข้นำถุงผ้ามาใส่ยาแทนการใช้ถุงหิ้วถุงพลาสติกที่เป็นต้นตอของการทำลายสิ่งแวดล้อม และเป็นการนำร่อง เป็นการชิมลางก่อนจะถึงเวลาจริง ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่กำหนดว่าตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2561 เป็นต้นไป รพ.ในสังกัด สธ.ทั่วประเทศ จะต้องลุกขึ้นมารณรงค์การใช้ถุงผ้าใส่ยาแทนการใช้ถุงหิ้วพลาสติก

เวลาผ่านไปสักพัก ผู้คนเริ่มขวักไขว่ ทั้งคนไข้ ทั้งญาติพี่น้อง ทั้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต่างคนต่างเดินไปสู่เป้าหมายของตัวเอง มุ่งหน้าไปยังห้องตรวจ ห้องเจาะเลือด ตามนัดหมายของแต่ละคน

ระหว่างนั่งรอรับบัตรคิว เท่าที่สังเกต คนส่วนใหญ่หรืออาจจะกล่าวว่าร้อยทั้งร้อยไม่มีใครสนใจหยุดอ่านป้ายประชาสัมพันธ์ที่โรงพยาบาลตั้งไว้สักเท่าไหร่

เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่สนใจอ่าน ไม่สนใจป้ายรณรงค์ โครงการนี้จะสัมฤทธิผลได้อย่างไร

นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องหาทางแก้เพื่อปิดจุดบอด

เบื้องต้นคิดออกเพียงว่า นอกจากป้ายประกาศป้ายรณรงค์ที่จะต้องมีพลังมาก ๆ และต้องมีหลาย ๆ จุด หลาย ๆ ที่แล้ว หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลจะต้องทำงานอย่างหนัก ทำทุกอย่าง เป้าหมายเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ไม่เช่นนั้นงานการรณรงค์การลดถุงพลาสติกจะตกไปอยู่กับเภสัชกรประจำห้องยา ที่จะต้องมีงานใหม่งอกขึ้นมา นอกเหนือจากอธิบายการใช้ยาให้คนไข้ฟัง

อีกด้านหนึ่งก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า โรงพยาบาล หรือหน่วยงานอื่น ๆ จะสามารถลดการใช้พลาสติกได้จริงหรือไม่ จะลดได้มากน้อยเพียงใด และจะเอาอะไรมาใช้เพื่อทดแทน ซึ่งตอนนี้มีโรงพยาบาลหลายแห่งกำลังศึกษา เพื่อจะนำถุงหรือซองกระดาษมาใช้แทนถุงพลาสติก

ในทางปฏิบัติแล้วคงเป็นเรื่องยากที่จะลดการใช้ถุงพลาสติกให้เป็นศูนย์ในทันทีทันใด หรือลดลงในเวลาอันสั้น

สิ่งที่ควรทำก็คือ ต้องรณรงค์อย่างจริง ๆ จัง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง ที่ลดการใช้พลาสติกได้อย่างเป็นรูปธรรม และตั้งเป้าที่จะลดการใช้พลาสติกเพิ่มขึ้น

เพราะทุกวันนี้ ทุกคนรับรู้กันดีว่า ขยะพลาสติกเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ

หากจะกำจัดด้วยการฝังในดินก็ต้องใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะทำให้มันย่อยสลายไปได้

หากจะเอาไปทิ้งในทะเล ก็จะทำลายระบบนิเวศทางทะเลเสียหาย เพราะมันไม่ย่อยสลาย ยิ่งหากปูปลากินเข้าไปก็กระทบห่วงโซ่อาหาร

หรือหากจะเอาไปเผาก็เกิดควันพิษตามมา และทำลายชั้นบรรยากาศ ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ มีผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย

ต้องยอมรับว่า ถุงพลาสติกนั้นเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันทั้งของคนไทยและคนทั้งโลกมาอย่างยาวนานจนแทบจะแยกไม่ออก และไม่รู้จะหาอะไรมาใช้ทดแทน การจะกลับไปใช้ใบตองหรือใบบัวห่อข้าวเหมือนในอดีตที่ผ่านมาคงไม่ได้แล้ว

ทางออกอย่างหนึ่งที่พอจะช่วยบรรเทาได้ นอกเหนือจากการลดการใช้พลาสติกแล้ว การนำขยะพลาสติกมารีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ก็เป็นอีกหนทางหนึ่ง ซึ่งวันนี้องค์กรขนาดใหญ่บางแห่งเริ่มต้นแล้ว

ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องร่วมแรงร่วมใจช่วยกันลดการใช้ถุงพลาสติก ลดขยะจากพลาสติกอย่างจริง ๆ จัง ๆ

เริ่มต้นจากตัวเองก่อนที่การแก้ปัญหาขยะพลาสติกจะถึงทางตัน

หากยังไม่เริ่มเสียตั้งแต่วันนี้ อีกไม่นานขยะพลาสติกก็คงจะล้นโลก

หากไม่เริ่มต้น ไม่ลงมือทำด้วยตัวเองก็เปล่าประโยชน์