บทบรรณาธิการ
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบบโมบายแบงกิ้งกับการฝากถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มสร้างความหงุดหงิดใจให้ผู้ใช้บริการไม่น้อย ต้นเหตุมาจากระบบแบงก์บางแห่งมีปัญหา นำมาสู่การล่มของโมบายแบงกิ้ง และการให้บริการตู้เอทีเอ็มทั้งระบบ เสียงสะท้อนด้านลบจากลูกค้าทั้งในส่วนกลาง ต่างจังหวัดจึงแพร่สะพัดสังคมโซเชียล
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
และแม้ปัญหาที่เกิดขึ้นจะได้รับการแก้ไขภายในระยะเวลาไม่นาน แต่บังเอิญตรงกับวันสิ้นเดือนซึ่งเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่คนจำนวนมากจำเป็นต้องใช้บริการ ทำให้ศุกร์สุดท้ายปลายเดือนสิงหาคมมีเสียงบ่นไม่พอใจระบบแบงก์ที่เดี้ยง แทนเสียงบ่นเพราะเบื่อหน่ายการจราจรที่ติดขัดหนัก
กรณีดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้กำกับดูแลระบุว่า ปัญหาไม่ได้มาจากระบบกลางการโอนเงิน แต่เป็นปัญหาของธนาคารพาณิชย์บางแห่ง ซึ่ง ธปท.ได้กำชับให้เร่งแก้ไข และจัดทำมาตรการป้องกันในระยะยาวแล้ว
แนวทางดำเนินการทำได้โดยเพิ่มศักยภาพของระบบธนาคารรองรับปริมาณการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น และให้แบงก์พาณิชย์ดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบขณะที่สมาคมธนาคารไทยชี้แจงว่า ได้เร่งแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน และยืนยันผลการตรวจสอบว่าการขัดข้องของระบบธนาคารครั้งนี้ไม่ได้มาจากการถูกแฮกข้อมูล หรือถูกเจาะระบบ แต่เป็นปัญหาในทางเทคนิค ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณธุรกรรมพร้อม ๆ กันจำนวนมาก
ทั้งนี้ วันที่ 5 กันยายน สมาคมได้นัดประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร เพื่อหารือและกำหนดแนวทางรับมือเหตุฉุกเฉิน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับระบบดิจิทัลแบงกิ้ง
โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีและเตรียมความพร้อมรองรับการใช้บริการดิจิทัลของลูกค้าที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต สอดรับกับการส่งเสริมใช้บริการระบบพร้อมเพย์ ที่รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันทั้งกระตุ้น จูงใจ ให้ทุกภาคส่วนหันมาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้เงินสดเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้จะเป็นจริงไม่ได้หากแบงก์พาณิชย์ รวมทั้ง ธปท.ไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ปล่อยให้ระบบแบงก์ล่มเกิดขึ้นซ้ำ ตามด้วยการชี้แจงเหตุผลข้ออ้างอุบัติเหตุทางเทคนิคเหมือนที่ผ่านมา เพราะความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการจะยิ่งลดน้อยลง
หากเป็นอย่างนั้นระบบพร้อมเพย์ โมบายแบงกิ้ง ฯลฯ หนึ่งในแนวทางที่รัฐบาลคาดหวังนำมาต่อยอดขับเคลื่อนการดำเนินการทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน “ไทยแลนด์ 4.0” ก็คงเป็นแค่ฝัน แต่รูปธรรมในทางปฏิบัติคงเป็นไปได้ยาก