นักท่องเที่ยวจีนหาย โจทย์ใหม่ที่ต้องหาทางออก

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า

ด้วยจำนวนประชากรของประเทศจีนที่มากถึงราว 1,400 ล้านคนนั้น รู้หรือไม่ว่าแต่ละปีคนจีนเดินทางออกไปท่องเที่ยวมากน้อยแค่ไหนและพวกเขาไปเที่ยวที่ไหนกัน!

สำนักข่าวซินหวาแห่งประเทศจีนรายงานว่า สำนักงานบริหารการเข้าเมืองแห่งชาติ ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายอดการออกเอกสารเดินทางเข้าออกประเทศทุกประเภทในจีน 78.564 ล้านใบ/ครั้ง เติบโต 18.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีชาวจีนที่เดินทางออกนอกประเทศมากถึง 310 ล้านคน/ครั้ง ขยายตัว 7.7% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว

โดยประเทศและภูมิภาคเป้าหมายการเดินทาง 10 อันดับแรกของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ ฮ่องกง และมาเก๊า (ของจีน) ตามด้วยไทย ญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลีใต้ อเมริกา ไต้หวัน เมียนมา และสิงคโปร์

สำหรับประเทศไทยนั้น ตัวเลขของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวฯระบุว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมา คนจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว 9.8 ล้านคน และคาดว่าน่าจะเพิ่มเป็น 11 ล้านคนในปีนี้ แต่สถานการณ์กลับพลิกผันเมื่อเกิดเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ต

ว่ากันว่า เหตุการณ์นี้ทำให้คนจีนทั้งประเทศตื่นตระหนกและชะลอการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยทันที โดยเห็นชัดเจนจากสถิติของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนที่ลดลงไปอย่างชัดเจน

ส่งผลให้ยอดรวมนักท่องเที่ยวจีนในช่วงไตรมาส 3/2561 ลดลง 17.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 และคาดว่าจะลดลงอีกราว 25.64% ในช่วงไตรมาส 4/2561 นี้ และจะทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีนี้ที่ประมาณ 9.9 ล้านคน ไม่ถึง 11 ล้านคนตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี

ถามว่านักท่องเที่ยวกลุ่มที่ไม่มาเที่ยวเมืองไทยนั้นพวกเขาไปเที่ยวที่ไหนกัน ?

ประเด็นนี้ “วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า ผู้เชี่ยวชาญตลาดจีนเล่าว่า สถานการณ์ของนักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยตอนนี้น่าเป็นห่วงมาก เพราะการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของทุกประเทศในภูมิภาคนี้ดุเดือดเลือดพล่านมาก

สมัยก่อนประเทศเพื่อนบ้านเราที่ทำตลาดด้านการท่องเที่ยวแข่งกับไทยมีแค่สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย แต่ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้มีคู่แข่งใหม่ เกิดขึ้นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าตลาดจีนนอกจากจะเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรถึง 1.4 พันล้านคนแล้ว ยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังในการใช้จ่ายที่สูงมาก นอกจากนี้ ยังพบว่าในแต่ละปีนั้นประชากรของจีนสามารถอัพตัวเองจากชนชั้นล่างมาสู่ชั้นกลางที่มีกำลังซื้อได้ถึงกว่า 100 ล้านคนต่อปี ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกหันมาโฟกัสทำตลาดจีนกันอย่างชัดเจน ซึ่งทุกประเทศล้วนเป็น “คู่แข่ง” ของไทยทั้งสิ้น

พร้อมทั้งยังย้ำว่า ขณะที่ประเทศไทยกำลังยกระดับการท่องเที่ยวจากที่เรียกว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” สู่ทัวร์ “คุณภาพ” และในช่วงปี 2 ปีนี้พบว่า ประเทศคู่แข่งจำนวนมากดัมพ์ราคาแพ็กเกจท่องเที่ยวลงมาเหลือแค่ 500-700 หยวนเท่านั้น

จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเป็นห่วงมาก เพราะสถานการณ์ของไทยที่มีแต่ข่าวร้ายในขณะนี้ได้เปิดอากาสให้คนจีนได้ทดลองไปเที่ยวเดสติเนชั่นใหม่ ๆ แทนเมืองไทย ซึ่งเคยเป็นเดสติเนชั่นที่คนจีนชื่นชอบมานาน

นั่นหมายความว่า หากคนจีนเหล่านั้นลองไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ แล้วเกิด “ติดใจ” ก็จะทำให้เกิดการเดินทางซ้ำ เมื่อถึงเวลานั้นประเทศไทยก็จะสูญเสียตลาดไปโดยปริยาย

วันนี้คนจีนมียอดการใช้จ่ายอยู่ที่ราว ๆ 40,000 บาทต่อคนต่อทริป คำนวณง่าย ๆ

หากคนจีนหายไป 1 ล้านคนต่อปี ก็เท่ากับว่าไทยเราสูญเสียรายได้ไปปีละถึงกว่า 4 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

…นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวฯควรที่จะหาแนวทางเรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาโดยด่วน !