สัญญาณเสี่ยง ศก.รากหญ้ายิ่งติดลบ

บทบรรณาธิการ

หลังจากเผยแพร่รายงานการประมาณการเศรษฐกิจโลกช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ พร้อมปรับลดตัวเลขที่เคยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.9% ลงเหลือ 3.7% เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้อีกว่า ระดับหนี้ทั่วโลกเวลานี้พุ่งขึ้นทุบสถิติใหม่ที่ 182 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6 พันล้านล้านบาท

แม้ IMF จะการันตีว่า ตัวเลขหนี้ที่ปรากฏดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล แต่ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนซ้ำให้ทั่วโลกระวังปัจจัยลบที่จะเข้ามากระทบช่วงจากนี้ไปจนถึงปีหน้า โดยเฉพาะสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น และขยายวงเป็นอุปสรรคต่อการค้าโลก

บวกกับความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น กระแสเงินทุนอาจไหลออกจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ กลุ่มอาเซียนรวมทั้งไทย กลายเป็นปัจจัยบั่นทอนเสถียรภาพทางการเงิน และอาจทำให้ตลาดเงิน ตลาดทุนเกิดความผันผวน การเฝ้าระวังและตั้งรับสถานการณ์ที่อาจพลิกผัน จึงเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องตระหนักและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น และกำลังถูกหลายฝ่ายจับตามองด้วยความวิตกว่าต้นปีหน้า น้ำมันดิบอาจทะยานถึง 90-100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งหากเป็นจริง ไทยในฐานะประเทศผู้นำเข้าน้ำมันจะได้รับผลกระทบอย่างยากจะหลีกเลี่ยง

นอกเหนือจากหลากหลายปัจจัยลบนอกประเทศ ทั้งสงครามการค้า อัตราดอกเบี้ย กับราคาน้ำมันขาขึ้นแล้ว เศรษฐกิจภายในประเทศเวลานี้ที่ยังอยู่ในลักษณะแข็งนอก อ่อนใน ฟื้นจากการชะลอตัวได้เพราะปัจจัยภายนอกจากรายได้ภาคส่งออก และการท่องเที่ยว อานิสงส์จึงตกอยู่กับธุรกิจขนาดใหญ่ คนระดับบน ส่วนคนระดับล่างยังปากกัดตีนถีบ จึงน่าห่วงว่าปีหน้าหากเศรษฐกิจไทยชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก รากหญ้าจะยิ่งย่ำแย่

เพราะลำพังมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่รัฐดำเนินการผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ผู้มีรายได้น้อย คนจน เกษตรกรทั่วประเทศ 11.4 ล้านคนคงช่วยได้แค่ระยะสั้น แต่ยังไม่มีทางออกว่าจะทำอย่างไรให้สามารถพลิกฟื้นได้ในระยะยาว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตรราคาตกต่ำที่รัฐบาลหลายยุคสมัยหาทางแก้ไม่ได้ เนื่องจากหลากหลายมาตรการที่ผลักดันออกมายังไม่ตอบโจทย์

การบ้านข้อใหญ่จึงอยู่ที่ทำอย่างไรจะช่วยให้ภาคการเกษตรประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้ มีหลักประกันในการดำรงชีวิต มิฉะนั้นโอกาสที่เกษตรกรไทยจะอยู่ได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน เป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิในวันข้างหน้าก็คงริบหรี่