เรื่องราวของ “ไอ้ขี้แพ้”

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ
โดย สาโรจน์ มณีรัตน์

ต้องบอกว่าคงไม่มีใครเกิดมาแล้วประสบความสำเร็จในชีวิตทุกคน ต่อให้เกิดมาร่ำรวย มีเงินมีทองมากมายหรือมีครอบครัวเกื้อหนุนค้ำจุนตลอดชีวิตโดยไม่ต้องทำอะไร

เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมมีทางเลือกเป็นของตัวเอง คนที่ร่ำรวยอาจเดินเส้นทางลัดบ้าง

แต่ลึก ๆ เขาไม่มีความภูมิใจนักหรอก เพราะถ้าทางที่ตัวเองเลือกเดินมีคนอื่น ๆ มาร่วมช่วยกรุยทาง แต่สำหรับ “อากิโนริ คิมุระ” ชาวสวนแอปเปิลเมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ ที่ปัจจุบันอายุ 70 กว่าปีแล้ว กลับเป็นตรงข้าม

เพราะเขาไม่เพียงเป็นชาวสวนธรรมดา หากยังล้มเหลวต่อการดำรงชีพจนทำให้ต้องขายสวนบางส่วน กระทั่งกลายเป็นยามในเมืองโตเกียว พร้อมกับนำบ้านของตัวเองไปจำนองเพื่อนำเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว

จนทำให้ชาวบ้านในฮิโรซากิต่างเรียกเขาว่า…ไอ้ขี้แพ้

สาเหตุที่ชาวบ้านเรียกเช่นนี้ เพราะเขาเป็นคนแปลกประหลาดในหมู่บ้าน ขณะที่ชาวสวนทั้งหมดเลือกปลูกแอปเปิลโดยใช้ยาฆ่าแมลง แต่เขากลับเลือกปลูกแอปเปิลอินทรีย์ปลอดสารพิษ

เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเกษตรกร และผู้บริโภค แต่สิ่งที่เขาตั้งใจ และลงทุนลงแรงกลับ ทำให้ต้องเจ็บปวด จนถูกเรียกขานว่า…ไอ้ขี้แพ้

ทำให้เขาตัดสินใจผูกคอตายในป่า แต่ระหว่างที่กำลังนำเชือกมาผูกคอ พบว่าผลไม้ในป่าช่างงดงามแม้ปราศจากการดูแลรักษาจากน้ำมือมนุษย์ ต้นไม้เหล่านั้นมีรากแข็งแรง เติบโตได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งยาฆ่าแมลง

“อากิโนริ คิมุระ” จึงพบคำตอบโดยพลัน และตัดสินใจไม่ฆ่าตัวตาย สำคัญไปกว่านั้น เขากลับเปลี่ยนความคิดเป็นพลังบวก ลงมือศึกษาถึงสาเหตุการอยู่รอดของต้นไม้ตามธรรมชาติ จนพบว่า…ต้องปรับสภาพสวนแอปเปิลให้กลายเป็นป่าธรรมชาติ

1 ปีผ่านไปยังไม่สัมฤทธิผล

5 ปีผ่านไปต้นแอปเปิลเริ่มมีชีวิตชีวา

จนย่างเข้าสู่ปีที่ 10 สภาพแวดล้อมสวนแอปเปิลเริ่มมีนกสัตว์ต่าง ๆ มากมายเข้ามาอาศัยอยู่ ผักผลไม้นานาชนิดที่ปลูกแซมในสวนให้ผลใหญ่รสชาติดีเยี่ยม

เขาเริ่มคิดว่าสิ่งที่เขาตั้งความหวังคงเป็นจริงเสียแล้ว

ซึ่งก็เป็นจริงดังคาด

เมื่อพบว่าต้นแอปเปิลของเขาเริ่มออกดอกบานสะพรั่ง ในปีที่ 11 เมื่อเขาเริ่มเก็บผลแอปเปิลลูกแรกก็พบคำตอบว่า ผลแอปเปิลใหญ่กว่าแต่ก่อน และรสชาติหวานกรอบอร่อยมาก

แต่ยังไม่มั่นใจเพราะอาจจะคิดไปเอง จนเมื่อให้ภรรยา, พ่อตา, แม่ยาย พี่ ๆ น้อง ๆ ลองชิม ปรากฏว่าทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า…คุณทำได้แล้ว

เขาเก็บความภูมิใจนี้ไว้ในใจ คิดว่าคนในครอบครัวอาจโกหกเพื่อให้กำลังใจ แต่เมื่อให้ลูกค้าที่สนิทกันทดลองชิม ลูกค้าบอกว่า…ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยกินแอปเปิลที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย

“อากิโนริ คิมุระ” ดีใจมาก คิดว่าตลอด 10-11 ปีที่เขาอดทนรอคอยสัมฤทธิผลแล้ว จึงเริ่มส่งผลแอปเปิลจากสวนไปยังร้านค้าต่าง ๆ ที่คุ้นเคยก่อนจะไปสู่ร้านอื่น ๆ ทุกเมืองทั่วญี่ปุ่น

จนร้านค้าเหล่านั้นเริ่มจองผลผลิตแอปเปิลจากสวนของเขาข้ามปี

กระทั่งสถานีโทรทัศน์ NHK ทราบข่าวและมาสัมภาษณ์เกี่ยวกับการทำเกษตรแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี เขาจึงกระจายองค์ความรู้เผื่อแผ่เกษตรกรรายอื่น ๆ ด้วย

ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านั้นเคยตราหน้าเขาว่า เป็น…ไอ้ขี้แพ้ แต่เขากลับไม่คิดเช่นนั้น

เพราะ “อากิโนริ คิมุระ” คิดว่าถ้าไม่มีคำดูถูก คงไม่ทำให้เขาเดินมาถึงวันนี้

ที่เขาไม่เพียงปลูกแค่แอปเปิลแต่ยังปลูกผัก ข้าว ไม้ผลอื่น ๆ อีกนานาชนิด เพราะคิดว่าการทำเกษตรแบบธรรมชาติ ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็ตาม ต้องทำให้เขา (ผัก, ผลไม้) มีความสุขเสียก่อน ถ้าเขามีความสุขเขาก็จะตอบสนองเราเอง เหมือนกับที่ปลูกอยู่ในสวน

เขารู้สึกว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากตัวเขาเลย แต่มาจากธรรมชาติโดยรอบ ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยมองเห็นเลย มามองเห็นในวันใกล้หมดลมหายใจ เขาจึงรู้สึกขอบคุณธรรมชาติ และคิดว่าต้องนำเรื่องราวเหล่านี้บอกต่อกับคนอื่น ๆ

วันนี้ “อากิโนริ คิมุระ” จึงออกเดินสายไปยังเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น เพื่อบอกเล่าเรื่องราว สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนที่มองเห็นข้อดีของการทำการเกษตรแบบธรรมชาติโดยไม่ใช้สารพิษ

เพราะไม่เพียงจะดีต่อตัวเองและครอบครัว หากยังดีกับผู้บริโภคอีกด้วย จนเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องเขียนถึงเขาในวันนี้

หมายเหตุ – แรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือ “ธุรกิจสร้างสุข” ซึ่งมี “พิชชารัศมิ์ Marumura” เป็นผู้เขียน