คอลัมน์ สามัญสำนึก
โดย อิศรินทร์ หนูเมือง
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- กองทุนประกันวินาศภัยถังแตก แจ้งชะลอจ่ายคืนหนี้ตั้งแต่ มี.ค. 2567
- ออมสิน ฉลองครบวาระ 111 ปี จัดเต็ม สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท
ขึ้นอยู่กับว่า “คดีโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร จะไปสิ้นสุดที่ไหน
จึงจะเป็น “คำตอบ” ว่า “พรรคดีเอ็นเอ” ของเพื่อไทย และตระกูลชินวัตร จะไปสังกัดพรรคการเมืองใด
ระหว่างเพื่อไทย ที่ยืนยันไปต่อ และต่อสู้คดียุบพรรคจนถึงที่สุด
กับพรรคเพื่อธรรม ที่ยังสแตนด์บายเป็น “อะไหล่” พร้อมให้โครงใหญ่จากเพื่อไทยทั้งองคาพยพมาสวมหัว
หรือจะเป็นพรรคเพื่อชาติ ที่ประกาศเป็นพรรค “เกาะกลาง” ให้กับฝ่ายแดง และเหลืองอกหัก-สายเอ็นจีโอเข้าร่วม
ยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำที่หนุนหลังพรรคเพื่อชาติ บอกว่า เขามีภารกิจรวบรวมกองกำลังรอไว้ มีบุคคลบิ๊กเนม-บิ๊กเซอร์ไพรส์ จะเข้าร่วมสังฆกรรมด้วย
พลพรรคเพื่อชาติเชื่อกันว่า หลังเลือกตั้งคงไม่มีใครจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะจะต้องมีคีย์แมน-วิปนอกสภา จัดหามือได้ 376 เสียง เพื่อชูคนกลางเป็นนายกรัฐมนตรี
ดังนั้น หากฝ่ายประชาธิปไตยหวังชนะ 3 คูหา เข้าไปกาช่อง “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” ก็หมดสิทธิ์ ตั้งแต่ยกแรก
บางทีท้ายที่สุด ทุกคนในเครือข่าย “ชินวัตร” อาจไปหยุดรวมตัวกันที่พรรค “ไทยรักษาชาติ” หรือ ทษช. ที่จงใจให้ย่อมาจาก “ทักษิณ ชินวัตร”
ข่าวจากคนวงในพรรคเพื่อไทย บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ทายาท “ชินวัตร” อาจหันหัวเรือไปทาง “ทษช.”
และยังคงเป็น “ชินวัตร” ที่จะชี้ว่า ใครจะอยู่ในตำแหน่งพรรคเดิม
ใครจะต้องย้ายไปลง ส.ส.ระบบเขต ในพรรคลูกข่ายทั้ง 3 พรรค
ยุทธศาสตร์ “พรรคแตก-แตกพรรค” ครั้งแรกสุด หวังแก้เกมการเลือกตั้งแบบ “บัตรใบเดียว” ที่จะทำให้เพื่อไทยได้ ส.ส.ระบบเขตมาก แต่ได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อน้อยลง
ดังนั้น หากผ่องถ่าย ส.ส.ระบบเขต ไปพรรคเพื่อธรรม-ทษช. เพื่อเก็บชัยชนะ ส.ส.เขต ทุกเม็ด ขณะที่คะแนนตกน้ำก็ยังสะสมแต้มได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มได้อีกทาง
ส่วนยุทธวิธี พรรคเพื่อไทยก็ดันนักการเมืองรุ่นใหญ่ ตัวจริง เสียงจริง มีชื่อเสียงระดับบ้านใหญ่ ตระกูลดัง ที่เคยอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ กลับคืนสู่ ส.ส.ระบบเขต เช่น “เทพกาญจนา-ฉายแสง” แม้กระทั่ง เลขาธิการพรรค ก็อาจต้องไปลงรับสมัครในระบบเขต
กิตติรัตน์ ณ ระนอง, โภคิน พลกุล, สุธรรม แสงประทุม ก็ต้องถูกบรรจุชื่อไว้ในเขตกรุงเทพมหานคร
ทว่าเมื่อ “นายใหญ่” พลิกเกมไว อุบัติชื่อพรรคใหม่ “ไทยรักษาชาติ” ตั้งเป้าเป็นพรรค “ดีเอ็นเอ” เกมภายในก็สั่นสะเทือน
เกมของ “นายใหญ่” ต้องการให้แยกกันเดิน ร่วมกันตี เก็บทุกแต้มทั้งคะแนนชนะ และคะแนนตกน้ำ ให้อยู่ในกลุ่ม 4 พรรค แล้วไปผนึกกับพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็น “อดีตพันธมิตร” ทางการเมือง
ทั้งพรรคนอมินี “ประชาชาติ” หรือ “ชาติไทยพัฒนา” คนเคยอยู่ในชายคาไทยรักไทย หรือแม้กระทั่ง “อนาคตใหม่” ให้ไหลมารวมกันหลังเลือกตั้ง
หวังให้ฝ่ายที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ชนะเลือกตั้งแบบ “หิมะถล่ม”
ไม่ควรลืมว่า เกมการเลือกตั้งแบบใหม่-บัตรใบเดียว จะทำให้ “พรรคประชาธิปัตย์” ได้เปรียบแทบทุกประตู
แม้มีเกมที่ซับซ้อนในการเลือกหัวหน้าพรรค มาคั่นรายการ
แต่ท้ายที่สุด “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อาจรับชัยชนะ 3 คูหา
คูหาแรก ชนะการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค
คูหาที่สอง นำ ส.ส.เข้าสภาได้มากกว่า หรือเท่ากับครั้งที่ผ่านมา
คูหาที่สาม เข้าป้ายเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งการเจรจาก๊อกแรก และก๊อกสอง
อาศัยจังหวะพรรคมีความไม่แน่นอนเรื่อง “พรรคแตก-แตกพรรค” ของฝ่ายเพื่อไทย อาจทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้คะแนนแบบ “เบี้ยหัวแตก”
ประชาธิปัตย์กินนิ่งทั้งคะแนนระบบเขต และคะแนนตกน้ำ ใน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นกอบเป็นกำ
ถ้า “เจ้ามือใหญ่ที่สุด” ยอมรับข้อเสนอ เดิมพันของ “อภิสิทธิ์” ครั้งนี้ ไม่มีอะไรจะเสีย !!!