คอลัมน์ สามัญสำนึก
โดย สมปอง แจ่มเกาะ
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
หากไม่มีพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก นับจากนี้ไปอีก 3 เดือน 24 กุมภาพันธ์ปีหน้า คนไทยจะได้เดินเข้าคูหากากบาทเลือกตั้งผู้แทนฯกันแล้ว
หรือหากมีข้อขัดข้องจริง ๆ จนทำให้วันเวลาการเลือกตั้งต้องล่าช้าออกไป อย่างช้าก็คงไม่เกิน 5 พฤษภาคม ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561
รอกันอีกอึดใจเดียวครับ
วกกลับมาคุยเรื่องใกล้ตัว นี่ก็ย่างเข้าปลายเดือนพฤศจิกายนเข้าไปแล้ว เดือนหน้าก็ธันวาคม ใกล้จะสิ้นปีแล้ว
เผลอไปแป๊บเดียวก็จะย่างเข้าสู่ศักราชใหม่แล้ว แต่ในแง่ของเศรษฐกิจ แม้จะไม่ถึงขั้นว่า (ยัง) ย่ำอยู่กับที่ แต่ก็ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร
หากยังจำกันได้ ย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2561 รัฐบาลวาดฝันไว้อย่างสวยงามว่า อย่างไรเสีย ปีนี้ทั้งปี อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี น่าจะไม่ต่ำกว่า 4.5%
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ผ่านไป รัฐบาลยังมองมุมบวกว่าจีดีพียังเติบโตดี และอยู่ในช่วง “ขาขึ้น” สวนทางกับมุมมองของนักวิชาการ ชาวบ้านร้านตลาดที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “แย่-ไม่ดี”
จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่านกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยอมรับกราย ๆ ด้วยการใช้คำว่า “เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่ชะลอลง” จากปัจจัยของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
ล่าสุด เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาพัฒน์เพิ่งประกาศหั่นจีดีพีทั้งปีลงเหลือ 4.2% หลังพบว่าตัวเลขไตรมาส 3/2561 โตต่ำกว่าที่คาดการณ์
จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นภาพการ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลระลอกแล้วระลอกเล่า ทั้งในแง่ของการลงทุน การท่องเที่ยว การเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ การอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านโครงการต่าง ๆ ฯลฯ
แต่สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา มาตรการต่าง ๆ จึงยังไม่สัมฤทธิผลเท่าที่ควร
ด้านฟากฝั่งภาคธุรกิจ ทันทีที่เข้าโค้งท้าย หน้าขายสำคัญก็ต้องออกแรงกระตุ้นการจับจ่าย กระหน่ำสารพัดแคมเปญ หวังจะทำยอดขายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่า ที่ผ่านมากว่าจะได้ยอดขายมาแต่ละร้อยแต่ละพันนั้น ต้องทำงานและลงทุนลงแรงอย่างหนัก เพราะคนเดินห้างสรรพสินค้า เดินศูนย์การค้า ส่วนใหญ่จะหนักไปทาง window shopping มากกว่า
อย่าว่าแต่ค้าปลีกรายใหญ่ ๆ เลย ใครที่ไปเดินตลาดนัดตอนเย็น ๆ ก็จะเห็นว่า บางวันแม่ค้าพ่อค้ามีมากกว่าคนซื้อเสียอีก
เศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจย่ำแย่ หลาย ๆ บริษัทต้องเลย์ออฟพนักงาน ใครออกงาน ตกงาน คิดไม่ออกก็ลงทุนขายของ ขายอาหาร ขายขนม ขายผลไม้ ขายกาแฟ ฯลฯ
พ่อค้าแม่ขายบ่นกันอุบ กำรี้กำไรคงไม่ต้องพูดถึง เพราะขายได้แต่ละวันก็แทบจะไม่พอค่าเช่าที่ ค่าเช่าแผง
จริง ๆ แล้ว ต้นสายปลายเหตุก็มาจากเรื่องกำลังซื้อ หรือเงินในกระเป๋านั่นแหล่ะ
วันนี้นอกจากรายได้ หรือเงินในกระเป๋าสตางค์จะไม่เพิ่มแล้ว ตรงกันข้าม ข้าวก็ยากหมากก็แพงอีก ไม่ต้องคิดมาก เมื่อไม่มีตังค์ ก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เขียมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปากท้องต้องมาก่อน อะไรที่เกินความจำเป็นก็ตัดทิ้ง
นอกจากปากท้อง เรื่องรองลงไปก็คือ หนี้สำหรับชาวบ้านตาดำ ๆ คนชนชั้นรากหญ้า รวมถึงมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย เพียงแค่ 2 เรื่องนี้ก็ชักหน้าไม่ถึงหลังแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเงินเก็บเงินออมยามจำเป็นยามเจ็บป่วยในวันข้างหน้า
วันข้างหน้า แม้รัฐบาลจะดึงการลงทุนจากต่างประเทศมาได้มากมายมหาศาล และการลงทุนของภาครัฐในเมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ยังมีอย่างต่อเนื่อง แถมท้ายด้วยการส่งออกสดใสโชติช่วงชัชวาล
แต่ตราบใดที่ยังแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำไม่ได้ ยังหาทางออกในเรื่องของหนี้ครัวเรือนไม่เจอ
…โอกาสที่คนไทยจะลืมตาอ้าปากได้ก็เป็นเรื่องยาก