ท่องเที่ยว 2562 ปั๊มรายได้ 3.4 ล้านล้าน

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า [email protected]

ปี 2561 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นปีที่ไม่ราบรื่นนักสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทย แต่ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวของไทยยังสามารถทำรายได้ถึง 3 ล้านล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ และอาจเกินเป้ามาเล็กน้อยที่ประมาณ 3.04 ล้านล้านบาท

โดยเฉพาะบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีที่คึกคักอย่างมากทั้งตลาดต่างประเทศและในประเทศ ประจวบกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงในช่วงปลายปีนั้นถือเป็นตัวแปรที่กระตุ้นให้ตลาด “ไทยเที่ยวไทย” มีอัตราการเดินทางที่พุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจนในหลาย ๆ เมืองเลยทีเดียว

สำหรับปี 2562 นี้ “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า บรรยากาศของธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยน่าจะดีตั้งแต่ต้นปี ซึ่งยังคงได้รับอานิสงส์จากมาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่าหน้าด่าน หรือ VOA ไปจนถึงกลางเดือนมกราคมนี้

ขณะเดียวกันยังค่อนข้างมั่นใจว่า รัฐบาลน่าจะอนุมัติต่อมาตรการฟรีค่าธรรมเนียม VOA ตามที่ภาคเอกชนขอให้อีก 3 เดือน เพื่อส่งโมเมนตัมให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของไทยคึกคักลากยาวไปจนถึงสงกรานต์ปีนี้ เรียกว่า ตุนรายได้กันไว้ตั้งแต่ต้นปีกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม “ยุทธศักดิ์” ยังมั่นใจรายได้รวมของธุรกิจท่องเที่ยวในปีนี้จะยังคงเป็นไปตามเป้าที่ 3.3-3.4 ล้านล้านบาทได้ หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ประมาณ 40.5 ล้านคน

เช่นเดียวกับ “วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ที่มองในทิศทางเดียวกับผู้ว่าการ ททท.ว่า เป้ารายได้รวมที่ 2.1-2.2 ล้านล้านบาทสำหรับตลาดต่างประเทศในปี 2562 นี้ไม่ใช่เรื่องยาก แม้ว่าภาพรวมจะยังมีปัจจัยลบอยู่บ้าง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ที่ยังคงมีแนวโน้มยืดเยื้อ

โดยมองว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้อาจปรับตัวลดลงบ้าง แต่ก็ยังเชื่อว่าจีนเองก็น่าจะสามารถบริหารจัดการได้ และยังคงมั่นใจว่าตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ของจีน จะยังอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 6% แน่นอน

ขณะเดียวกัน ภูมิภาคอาเซียนซึ่งเป็นตลาดที่อยู่ใกล้เราที่สุด และเป็นตลาดที่ส่งออกนักท่องเที่ยวมายังประเทศไทยในอัตราร่วม 10 ล้านคนต่อปีนั้น ยังคงมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5% โดยเฉพาะเวียดนาม กัมพูชา และลาว เป็นประเทศที่ GDP ขยายตัวถึง 6-7% รวมถึงอินเดียที่คาดว่า GDP จะขยายตัวได้ถึงราว 7% เลยทีเดียว

“สำหรับตลาดจีนนั้นเราประเมินว่าปีหน้าน่าจะมีจำนวนอยู่ที่ราว 11 ล้านคน กลุ่มประเทศในอาเซียนก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 10 ล้านคน ส่วนอินเดียน่าจะได้ถึง 2 ล้านคน ขณะที่ตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องได้ไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี”

ไม่เพียงเท่านี้ยังมองว่า ตลาดยุโรปซึ่งเป็นตลาดที่เป็นลูกค้าเก่าแก่ มีการใช้จ่ายต่อคนต่อทริปค่อนข่างสูงนั้นก็ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง เพียงแต่อาจจะอยู่ในระดับ 4-5% ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ยังสามารถเติบโตได้ทุกปี

ส่วนตลาดระยะไกลที่น่าจับตาในปีนี้ คือ ตลาดในโซนยุโรปกลาง และยุโรปตะวันออก อาทิ ฮังการี, เช็ก, โปแลนด์, ออสเตรีย ฯลฯ ซึ่งประเทศเหล่านี้น่าจะมีการขยายตัวของ GDP ได้เกิน 10% หากสามารถช่วยกันกระตุ้นให้มีสายการบินเปิดเส้นทางให้บริการได้เพิ่มมากขึ้นก็น่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

“วิชิต” ยังย้ำด้วยว่า ประเด็นที่น่าเป็นห่วงที่สุดไม่ใช่เรื่อง “นักท่องเที่ยวไม่มา” แต่เป็นประเด็นเรื่อง “รองรับนักท่องเที่ยวไม่ได้” มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศักยภาพในการรองรับของสนามบิน ซึ่งต้องใช้เวลาในการขยายการลงทุน การอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวเรื่องจุดคืนภาษี (vat refund) การอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า ฯลฯ

และขอร้องว่า สิ่งที่กังวลที่สุดในขณะนี้ คือ ภาวะการปรับขึ้น “ดอกเบี้ย” ของแบงก์ชาติ ที่ส่งสัญญาณขยับต่อเนื่องหลังจากที่ล่าสุดปรับไปแล้ว 0.25 บาท เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า นั่นหมายความว่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนทันที

หรือถ้าจะแปลความให้ตรง ๆ ตามประสาผู้เขียนก็คือ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ทำการค้ากับต่างประเทศก็จะได้รับผลกระทบทันทีด้วยเช่นกัน เพราะเก็บเงินได้น้อยลงนั่นเอง

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!