ซีอีโอกลัวจน

default

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย สมถวิล ลีลาสุวัฒน

 

“ขอให้เมืองไทยสงบสุข อยู่ดีกินดี เป็นปีใหม่ที่ดีกว่าเดิม” นี่คือพรที่ขอจากศาลหลักเมือง ข้างกระทรวงกลาโหม ในวันปีใหม่

เพราะ 1 ปีที่ผ่านไป คนไทยเจออะไรซ้ำ ๆ และหนักหน่วง ถือเป็น “บททดสอบ” ให้เรียนรู้วิธีแก้ปัญหา

“การเมือง” ยังคงคลุกฝุ่น เหมือนอากาศในกรุงเทพฯแม้แลนด์สเคปจะสวยสดงดงามเพียงใด แต่ถ้ามีเมฆหมอกตั้งใจมาบัง ทุกอย่างก็ขมุกขมัว ชวนเศร้า

“เศรษฐกิจ” ยังรวยกระจุก จนกระจายของจริง หมี่หยกจะลวก/ไม่ลวก ไม่มีใครสน มนุษย์เงินเดือนชาวบ้านต่างกลัวจน จึงสนแค่ว่า “เดือนนี้จะพอใช้หนี้มั้ย รายได้เดือนนี้จะพอเลี้ยงครอบครัวรึเปล่า แล้วเมื่อไหร่จะมีเงินเหลือเก็บ”

ส่วนนักธุรกิจนักลงทุนมักกลัวเจ๊ง จึงสนแค่ว่า “จะลงทุนอะไรดีในจังหวะนี้” “เราจะม้วนตัวยังไงให้ตัวเองปลอดภัย”

ปี 2562 จึงเป็นปีแห่งการเฝ้าระวัง รอคอยจังหวะ เป็น “โอกาส” ท่ามกลางวิกฤต ที่ รศ.นพ.ชัชวาลย์ ศิลปกิจ ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้ทางสว่างไว้ว่า

“เราไม่ได้ฝึกสติ เพื่อให้ความทุกข์น้อยลง แต่เราฝึกสติ เพื่อให้เรารู้ตัวและกลับสู่ความปกติเท่านั้นเอง”

ฉะนั้น ต้องมีสติในทุกย่างก้าว แล้ว “สตางค์” จะตามมา

ช่วงฉลองส่งท้ายปีเก่า มีโอกาสไปร่วมแสดงความยินดีกับซีอีโอ 5 หมื่นล้าน คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง ที่โชว์ยิ้มเห็นฟันเป็นครั้งแรก

เจ้าตัวปลื้มปริ่มที่ “เพิร์ล แบงค็อก” มูลค่า 3 พันล้าน สร้างเสร็จ สวยสมดั่งใจ แม้จะใช้เวลานานถึง 5 ปีเต็ม (ออกแบบ แก้แบบ 2 ปีครึ่ง ก่อสร้าง 2 ปีครึ่ง) ตามสไตล์ “ทองมา” คือ “คิดล้าน พูดคำ”

เขายอมรับว่า เขาคิดเยอะ คิดละเอียด คิดทุกเม็ด

เพราะอยากให้ตึกนี้เป็นทุกอย่างที่อยากให้เป็น เป็นออฟฟิศที่โดดเด่น แตกต่าง เตะตา ประหยัดพลังงาน ไปไหนมาไหนสะดวก

รอยยิ้มของมหาเศรษฐีในวันนั้น บอกอะไรได้หลายอย่าง

จากคนที่จนที่สุด จากคนที่เรียนนอกระบบมาครึ่งชีวิต จากคนที่ทำงานเช้าจดค่ำ เพื่อแลกเศษเงิน

“ทองมา” ลิ้มรสมาหมดแล้ว ว่ารสชาติความจน มันไม่อร่อย แต่เป็นรสชาติที่ผลักดันให้ตัวเขา “มีวันนี้”

วันที่เป็น “เจ้าตลาดอสังหาริมทรัพย์” สร้างบ้านขายมาครบ 25 ปี หลายแสนยูนิต ส่งมอบปีละ 2 หมื่นยูนิต และเปิดขายมาแล้วร่วม 1,000 กว่าโครงการ ทุกทิศทุกทำเล

เขาเกิดเพราะ 2 คำจริง ๆ คือ “อึด” และ “อด”

ใครจะไปคิด ลูกชายคนขายกระเพาะปลา ลูกชาวบ้านจน ๆ ที่ไม่ได้เรียนหนังสือตามวัย เริ่มหาเงินตั้งแต่อายุ 12 ขายน้ำเก๊กฮวย เป็นลูกมือช่างทำทอง ส่งตัวเองเรียนนอกระบบจนจบ แล้วสอบเทียบเข้าโรงเรียนเตรียมฯ เข้าวิศวะจุฬาฯได้ คือ ซีอีโอคนนี้

คนที่ย้ำเสมอว่า “คนเราต้องทำงาน ต้องทำเยอะ ๆ คนเราต้องเรียนหนังสือ เรียนเยอะ ๆ แล้ววันหนึ่งจะดีเอง”

ที่น่าทึ่ง แปลงที่ดินของออฟฟิศใหม่พฤกษาฯ เคยเป็นที่ดินของ พลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสาร เศรษฐีเก่า

ครั้นขึ้นไปเยี่ยมชม “ห้องทำงาน” บนชั้น 24 ห้องของบอร์ดบริษัท ห้องประชุม ดูเผิน ๆ ก็ธรรมดา

แต่ปรากฏว่า เบื้องหลังนั้นเป็นระบบออโตเมติกทั้งหมด เมื่อกดรหัสปุ๊บ ผนังกั้นห้องจะสไลด์ออก ทุกสิ่งอย่างดูแพงขึ้นมาทันที

ที่อยากเล่าคือ “ห้องทำงานของทองมา” คือตัวตนของเขาจริง ๆ คือดูไม่มีอะไร มีแค่โต๊ะ เก้าอี้ ชุดรับแขก อุปกรณ์ เอกสารสักชิ้นก็ไม่มี

แต่กดปุ่มผนังกั้นห้องด้านหลังปุ๊บ โอ้ ! มายก๊อด คุณทองมายังจมอยู่กับ “งานเอกสาร” แสดงถึงการคิดเยอะ ทำเยอะ เหมือนเดิม

และไม่สนว่า ฮวงจุ้ยจะดี/ไม่ดี แม้โต๊ะทำงานเบื้องหลังนั้น จะอยู่หน้าห้องน้ำ เขาคิดแค่ว่า “สะดวกก็พอ”

สะดวกพอ ๆ กับการมี “ลิฟต์ไฮสปีด” ส่วนตัวในห้องทำงานที่ไม่ใช้ปะปนกับใคร

หลังเยี่ยมชมและยินดีกันเสร็จเรียบร้อย ซีอีโอ 5 หมื่นล้านก็โค้งตัวเคารพสื่อ พูดค่อย ๆ บ๊ายบายตามสไตล์

สไตล์ที่ใครก็เป็นได้ยาก หากขี้เกียจและโทษฟ้าดินอยู่ร่ำไป