มีประเด็นขอท้วงติง

คอลัมน์ นอกรอบ

โดย ศาสตราจารย์พิเศษ อธึก อัศวานันท์

หลายสิ่งหลายอย่างที่ คสช.และรัฐบาลของท่านนายกฯประยุทธ์ทำไปและจะทำนั้นเป็นที่ชื่นชมของผม และอีกหลายอย่างที่ คสช.และรัฐบาลของท่านนายกฯประยุทธ์ทำไปและจะทำนั้นผมก็ไม่ชอบ

เพลงบางเพลงที่ท่านนายกฯแต่งนั้นก็เพราะดี แต่อีกบางเพลงผมก็ฟังไม่เข้าหู

สรุปว่า ผมไม่ได้เป็นพวกสนับสนุน หรือเป็นพวกต่อต้านผู้มีอำนาจในรัฐบาลปัจจุบัน

เมื่อปี 2561 ที่เพิ่งผ่านมานั้น ขณะที่ กกต.ยังไม่ได้กำหนดวันเลือกตั้ง ผู้มีอำนาจของรัฐบาลก็หลุดปากพูดว่าจะมีเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ ทำให้นักเลือกตั้งตื่นตัวมีความหวัง

เริ่มจับกลุ่มจัดทัพขบวนรบกันต่าง ๆ นานา เมื่อมีการปลดล็อกกิจกรรมทางการเมือง บรรดานักเลือกตั้งออกมาเตรียมเลือกตั้ง เริ่มทุ่มเงินทุ่มทองเพื่อปูทางการหาเสียงกันไปพอสมควร

ต่อมาในวันปีใหม่ก็มีข่าวที่ปลื้มปีติของพสกนิกรว่า สำนักพระราชวังประกาศว่า “ในหลวง” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามพระราชประเพณีขึ้นในวันที่ 4-5-6 พฤษภาคม 2562 นี้

นับจะเป็นพิธีที่ชาวไทยไม่เคยได้เห็นมาเป็นเวลาร่วม 69 ปีแล้ว นับเป็นข่าวใหญ่ที่สำนักข่าวใหญ่หลายสำนักทั่วโลกแพร่ไปทั่ว ซึ่งผมก็รับทราบข่าวนี้จากข่าวต่างประเทศเพราะอยู่ต่างประเทศในขณะนั้น

ในท่ามกลางความดีใจนั้น ก็เริ่มมีข่าวกระเส็นกระสายออกมาจากฝ่ายรัฐบาลหลายทางว่า อาจมีการเลื่อนกำหนดเลือกตั้ง นัยว่าเพื่อไม่ให้ไปกระทบกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

บรรดากลุ่มนักเลือกตั้งก็เริ่มถามในเชิงรุกว่า กำหนดเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์จะกระทบกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างไร หรือเป็นเพียงกลยุทธ์ที่ยื้อเวลาให้รัฐบาลอยู่ในอำนาจได้นานขึ้น ในขณะที่ผู้รู้หลายท่านก็อธิบายเหตุผลถึงความที่อาจจะจำเป็นต้องเลื่อนการเลือกตั้งโดยยกมาตรานั้นมาตรานี้ออกมาอธิบาย ทำให้ประชาชนทั่วไปสับสนพอประมาณ

เรื่องจริง ๆ หรือข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะ

ผมเพียงขอท้วงติงท่านผู้มีอำนาจเพื่อขอให้ท่านพิจารณาว่า หมายกำหนดการพระราชพิธีเป็นฤกษ์มหามงคล ไม่ควรที่ฝ่ายใดจะนำมากล่าว เชื่อมโยงเป็นเงื่อนไขกับวาทะทางการเมือง และการเลือกตั้งเพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการนำเอาเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาพัวพันกับพิธีกรรมทางการเมือง นักการเมืองและผู้มีอำนาจทางการเมืองเดี๋ยวก็เข้ามา แล้วอีกสักครู่ก็เก็บของออกไป แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ของเราจะคงอยู่ยั่งยืนตลอดไปการใช้ข้ออ้างดังกล่าวอาจเป็นการสุ่มเสี่ยงที่นักการเมืองฝ่ายที่ไม่หวังดีต่อรัฐบาล และสื่อต่างประเทศที่ไม่คุ้นเคยกับระบอบการปกครองโดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของเรา วิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา อย่างผิด ๆ ถูก ๆ ต่อพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่สง่างามและมีความสำคัญยิ่งต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา พวกเราชาวไทยไม่ยินดีที่จะได้ยินได้ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นครับ

ผมเชื่อว่าทางรัฐบาลและ กกต.จะพิจารณารอบคอบในการกำหนดวันเลือกตั้งที่เหมาะสมที่สุด โดยคำนึงถึงกำหนดการต่าง ๆ และเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น หากเห็นว่ามีเหตุขัดข้องอย่างไร รัฐบาลก็มีทั้งอิทธิฤทธิ์อำนาจอันวิเศษตามมาตรา 44 และมีข้าราชการจำนวนมหาศาลภายใต้บังคับบัญชาที่ท่านสามารถใช้ปัดเป่าทุเลาเหตุขัดข้องนั้น เพื่อให้สามารถเลือกตั้งได้ทันตามกำหนดที่ท่านเคยคาดการณ์ไว้

แต่ถ้าเห็นว่าเหตุขัดข้องนั้นเกินกำลังที่จะทุเลาปัดเป่าได้ด้วยอำนาจและกำลังพลของรัฐบาล รัฐบาลและ กกต.ก็สามารถกำหนดวันเลือกตั้ง “ที่เหมาะสม” ให้เร็วขึ้น หรือช้ากว่าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตามที่ท่านเห็นสมควรอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นจะต้องอ้างพระราชพิธีเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

จึงขอท่านผู้มีอำนาจได้โปรดพิจารณาด้วยครับ