คนพันธุ์เดียวกัน

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย สาโรจน์ มณีรัตน์

หลายวันมานี่มีโอกาสนั่งอ่านบทสัมภาษณ์นักธุรกิจหลายคน จึงทำให้คิดว่าภารกิจประจำวันของเขา นอกจากจะต้องบริหารองค์กรให้เติบโต เขายังจะต้องคิดลงทุนในโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยไม่เช่นนั้นการทำธุรกิจจะย่ำอยู่กับที่

ขณะเดียวกัน ก็จะเป็นการวาง career path ให้กับมือตีนที่ไว้วางใจ เพื่อที่เขาและเธอจะได้พิสูจน์ฝีมือตัวเองต่อการบริหารธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต โดยมีเป้าหมายอันท้าทายอยู่ข้างหน้าว่าภายใน 1-3 ปีธุรกิจที่เขาเข้ามากุมบังเหียนจะเกิดผลลัพธ์ทางตัวเลข จนทำให้ซีอีโอรู้สึกพอใจถามว่าสิ่งที่พวกเขาคิดเช่นนี้ผิดไหม ?ไม่ผิด

แต่ผมกำลังนึกถึงคำพูดของนักประพันธ์รางวัลโนเบลชาวอเมริกันคนหนึ่งที่ชื่อ “เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์” เจ้าของนวนิยายอันโด่งดังที่ชื่อ “The Old Man and The Sea” หรือในชื่อภาษาไทย คือ “เฒ่าผจญทะเล” ที่เขาชอบพูดว่า…แร่ย่อมไหลไปตามสายแร่ คนพันธุ์เดียวกันย่อมไหลมาเจอกัน

คำพูดดังกล่าว ถ้ามองในแง่ดีคือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมของคนหลายคนที่มีโอกาสมาเจอกัน และเมื่อเจอกันแล้วต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกว่าเราต่างไปอยู่ที่ไหนกันมา ทำไมถึงไม่มีโอกาสเจอกัน

ฉะนั้น เมื่อมีโอกาสเจอกัน รสนิยม ทัศนคติ มุมมองทางความคิด ความเชื่อ และความชอบต่าง ๆ กลับมีความเหมือนกัน จนทำให้ระยะเวลาของความห่างของแต่ละคนที่ไปใช้ชีวิตในที่อื่น ๆ กลับไม่มีความหมายของระยะทางเลย

เพราะพวกเขาสนิทสนมกันได้ด้วยระยะเวลาอันรวดเร็วจนกลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด ดังนั้น ถ้าคนเหล่านี้มารวมตัวกันเพื่อสร้างสิ่งดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นในเรื่องอะไรก็ตาม ผลลัพธ์ของสิ่งดี ๆ เหล่านั้น จะกลายเป็นผลิตผลของการระดมความคิดสร้างสรรค์จนทำให้เกิดมิติใหม่ ๆ ในแต่ละแวดวงได้

ตรงกันข้าม หากพวกเขามองทุกเรื่องในแง่ร้าย คำตอบจะปรากฏออกมาในลักษณะในทางทำลายล้างเช่นกัน

ผมถึงมีความเชื่อว่าคำพูดของ “เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์” จริง ๆ มีประโยชน์อยู่พอสมควร แต่กระนั้นจะต้องนำไปสร้างสรรค์ในเชิงบวกหมายความว่า หากมิสเตอร์ A เป็นนักธุรกิจชั้นนำ และมีโอกาสรู้จักกับมิสเตอร์ B ซึ่งเป็นนักถ่ายภาพสารคดีอะไรจะเกิดขึ้นหรือมิสเตอร์ C ซึ่งเป็นนักเขียน และมีโอกาสรู้จักกับมิสเตอร์ D ซึ่งเป็นนักดนตรีอะไรจะเกิดขึ้น ฯลฯ

คำตอบง่ายมาก ๆ เลย พวกเขาทั้งหมดจะแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ในการทำงานร่วมกัน บางทีอาจนำไปสู่การรังสรรค์สร้างสิ่งใหม่ ๆ จนกลายเป็นนวัตกรรมใหม่ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ หรือผลงานใหม่ ๆ ที่อาจทำให้โลกตื่นตะลึงไปกับผลผลิตของพวกเขาก็ย่อมเป็นไปได้

ตรงกันข้าม หากนักธุรกิจคุยกับนักธุรกิจด้วยกันอยู่ตลอดเวลา คำตอบคงหนีไม่พ้นที่จะเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ เช่นเดียวกันหากนักถ่ายภาพสารคดีคุยกับนักถ่ายภาพสารคดีด้วยกัน คำตอบก็จะออกมาคล้าย ๆ กัน

ผมถึงมีความเชื่อว่าคนพันธุ์เดียวกัน ย่อมไหลมาเจอกัน สามารถนำความชอบของทั้งสองฝ่ายมาผสมผสานกันได้ ยิ่งถ้าหากในกลุ่มของพวกเขาที่คบหามีมากกว่า “นักอะไรต่าง ๆ” ที่กล่าวมา ยิ่งจะทำให้กรอบความคิดถูกขยายออกไปในวงกว้างมากขึ้นด้วย

จนกลายเป็นเรื่องสนุกมีสีสัน และทำให้เกิดสิ่งท้าทาย จนทำให้พวกเขาเหล่านั้นกล้าออกไปทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต

แต่ถามอีกครั้งว่าจะมีสักกี่คนที่ทำเช่นนั้นได้ ?

น้อยคนมาก

ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่ระยะหลัง ๆ ผมจึงแอบได้ยินคนบ่นคำว่า “เบื่อ” เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเบื่องาน, เบื่อการเมือง, เบื่อชีวิต, เบื่อความยากจน และเบื่ออื่น ๆ อีกมากมาย สำคัญไปกว่านั้น คนเหล่านี้กลับเลือกคุย คบ และฟังจากคนประเภทเดียวกันเสียด้วย

ท้ายที่สุดคนเหล่านั้นจึงเบื่อตัวเองในที่สุด จนไม่อยากทำอะไร

อยากมีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ เพื่อรอวันไหนสักวันหนึ่งที่มีโอกาส ก็จะสลัดคราบของความเบื่อที่ตัวเองผจญอยู่ในชีวิต สถานที่ และผู้คน เพื่อหนีไปหาความหวังในวันข้างหน้า ที่คิดเอาเองว่าน่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่

ผมแอบฟังพวกเขาบ่น

จนอยากจะบอกเขาว่า…ก็ลองไปคุยกับคนอื่น ๆ ที่มีความฝัน ความหวังที่อยากจะทำอะไรเพื่อให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้าดูบ้าง เผื่อบางทีคุณจะมีไฟ

ฝันแบบพวกเขาบ้างไม่มากก็น้อย

ทั้งยังจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วความเบื่อสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังบวก

เพื่อขับเคลื่อนตัวเองก้าวไปข้างหน้าได้จริง ๆ

ผมเชื่อเช่นนั้นนะ

แต่ไม่กล้าบอกเขาหรอก ?