อย่าจับจ่ายใช้สวย

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย สมถวิล ลีลาสุวัฒน์

การเมืองเรื่อง “เลือกตั้ง” มาถึง “โค้งสุดท้าย” ของการนับถอยหลัง เข้าคูหากาเบอร์ 24 มีนาคม 2562

อยากให้ “ใคร” เป็น “นายกรัฐมนตรี” ก็กาพรรคนั้น

พรรคที่มี “นโยบาย” โดนใจ “จับต้องได้จริง” ไม่ฟุ้ง ไม่เฟ้อ ไม่ลอกเขามา

ถามนักธุรกิจคาดหวังและรู้สึกอย่างไรกับการเมืองไทย

“กวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์” ซีอีโอน้อย แห่ง CDC ทำเลเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา ผู้ซึ่งไม่รู้จัก dark page “อีเจี๊ยบเลียบด่วน” บอกชัด

“ตั้งแต่เด็กจนโต แล้วไปเรียนต่อกลับมา แล้วเข้ามารับช่วงและเรียนรู้งานกับคุณพ่อคุณแม่ ก็รู้สึกว่า บ้านเมืองเราโดยเฉพาะการเมืองไทยยังวนอยู่กับที่”

“ข้อมูลยังไม่มีอะไรใหม่ ยังคงยัดเยียดให้รู้สึกเกลียด รู้สึกชังเหมือนเดิม”

ในฐานะ “นักธุรกิจ” คงต้องทำหน้าที่และพัฒนากิจการให้เติบโตไปข้างหน้า เพราะตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่สามารถ “ประมาท” หรือคิดลัดรวยเร็วแบบฟลุก ๆ ได้ ทุกอย่างต้อง “ลงทุน” และ “รอคอย”

มาถึงบรรยากาศ “ไลน์กลุ่ม” หลายกลุ่มของคนชั้นสูง (เรียกเอง) ที่นิยมสื่อสารแทนการทอล์ก เน้นใช้นิ้วเขี่ยอย่างเดียว ต่างเมามันส์ “บดขยี้” นักการเมือง และ “ยี้” พรรคการเมือง ที่ตัวเองเกลียดอย่างสุดลิ่ม

ทำเอาสัมพันธภาพ “เพื่อนของเพื่อน” ในแวดวงสังคมและธุรกิจ จางลงเรื่อย ๆ เมื่อเกิดความเห็นต่าง

มื้อค่ำหรือเฟรนด์ดินเนอร์ ถูกเลื่อน ๆ และยกเลิกบ่อยครั้ง ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างกลับที่พัก แล้วใช้มุมตัวเอง ส่ง Line คั่วอารมณ์ที่ขุ่นมัวกันต่อ

เพราะการเมืองเป็นเหตุ คนส่วนใหญ่เอาแต่ใจตัวเอง ใครชอบ ใครรัก ไม่เหมือนกูก็จงถอยไป (บ้ามาก) ขาดเหตุและผล ไม่มีที่ว่างของ “ทัศนคติเชิงบวก” นี่คือบรรยากาศมุมหนึ่งในโลกโซเชียล ที่มาจุดเข้มข้น

ท่ามกลาง “จุดเปลี่ยน” ครั้งใหญ่ที่ต้องจับตาเรียกว่า “ลุ้น” กันคอโก่ง วิเคราะห์กันจนแห้ง พรรคไหนจะเป็น “รัฐบาล” พรรคไหนจะเป็น “ฝ่ายค้าน” ทุกคนล้วนมีส่วนได้-ส่วนเสีย พรรคการเมืองขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และพรรคน้องใหม่ ต่างเดินหน้าลุย

กล่าวถึง “นโยบาย” อินฟราสตรักเจอร์และที่อยู่อาศัยของไทย ที่ผ่านมายังคง “เดินหน้า” ตามแพลน

ไม่มีอะไรโดดเด่น จนตรอกเพราะปัญหาเรื้อรังของจราจร

ที่คนนิยมซื้อรถก่อนซื้อบ้าน

ทำให้การเดินทางของผู้คนเกิดการบิดเบี้ยว เสียอารมณ์ สูญเวลา สูญพลังงาน และเสียโอกาสที่ประเมินค่าไม่ได้

ทุกคนในเมืองหลวงต้อง “บริหารความเสี่ยง” ด้วยตัวเอง

คนไทย โดยเฉพาะคนเมือง เหมือนถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าปัญหารถติด และคุณภาพชีวิต จะต้องดีขึ้น ๆ

เอาเข้าจริง มาถึงปี 2562 ทุกอย่างยังกระเตาะกระแตะ คงต้องใช้เวลา 3-5 ปี กว่าอินฟราสตรักเจอร์จะใช้ได้ดี

ส่วนนโยบายรัฐที่จะผลักดันให้คนมีบ้านเป็นของตัวเอง

ได้แต่เฝ้ามองว่า “เมื่อไหร่” ประชากรไทยจะได้สิทธิ์นั้น

แล้วชนชั้นผู้น้อยจะสามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่จับต้องได้

คือ อยู่ได้ดี ไม่ไกล และไม่แพงมาก

ขออย่างเดียว เมื่อจะพัฒนาแล้ว ขอให้อยู่ได้จริง ขอให้ทำให้ดี ไม่เละเหมือนบ้านเอื้ออาทร บ้านดีไซน์มาจากศาลพระภูมิ ที่เน้นแต่วอลุ่ม ขาดคุณภาพ

รัฐบาลใหม่มาแล้ว ขอให้ใช้อำนาจ ทำหน้าที่เป็น “เครื่องมือ” ทำความดี และทำงานให้ดี คิดถึง “ส่วนรวม” เน้นประโยชน์ใช้สอย ไม่ใช่ประโยชน์ใช้สวย แต่เพียงอย่างเดียวเพราะมันไม่ยั่งยืน

“อีอีซี” ก็เช่นกันอย่าให้ประวัติศาสตร์ “ค่าโง่” ซ้ำรอย อย่าให้ภาพวาดที่สวยหรู ดู “เลื่อนลอย”

เพราะนักธุรกิจต่างถิ่นและคนในท้องถิ่น ต่างคาดหวังรัฐบาลที่ดี อย่าหลอกและอย่าแกล้งโง่