กล้าดีอย่างไร ?

Swedish environmental activist Greta Thunberg speaks during the Climate Action Summit at United Nations HQ in the Manhattan borough of New York, New York, U.S., September 23, 2019. REUTERS/Carlo Allegri

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย สาโรจน์ มณีรัตน์

ถึงวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ “เกรตา ธันเบิร์ก” นักสิ่งแวดล้อมรุ่นเยาว์ ชาวสวีเดนที่มีโอกาสไปกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีสหประชาชาติ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อไม่กี่วันผ่านมา ด้วยคำพูดที่แทงเข้าไปในใจของผู้ใหญ่หลายคนที่อยู่บนโลกใบนี้ ยิ่งเฉพาะกับคำพูดที่บอกว่า…ผู้นำโลก และผู้ใหญ่หลายคนกล้าดีที่มาบอกว่าจะขอฝากความหวังกับเด็ก ๆ

“ฉันไม่ควรมาอยู่บนเวทีนี้ ฉันควรกลับไปเรียนหนังสือ ในอีกฟากฝั่งของมหาสมุทร แต่พวกคุณก็เดินทางมาหาความหวังจากพวกเรา เยาวชน คุณกล้าดีอย่างไร คุณขโมยเอาความฝันและวัยเด็กของเรา ด้วยคำพูดจอมปลอม ตอนนี้ผู้คนอยู่อย่างทรมาน คนบาดเจ็บล้มตาย และระบบนิเวศกำลังล้มลง เรากำลังจะสูญพันธุ์ แต่พวกคุณกลับพูดกันแต่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ คุณกล้าดีอย่างไร”

“วิทยาศาสตร์ตอบชัดเจนมากว่า 30 ปีแล้ว คุณกล้าดีมากที่ไม่ยอมให้ความสำคัญกับมัน แล้วยังมาบอกว่า พวกคุณทำดีพอแล้ว ทั้ง ๆ ที่คำตอบทางการเมืองยังไม่มีให้เห็น คุณพูดว่าคุณรับฟัง และรับรู้ถึงปัญหาที่เร่งด่วน แต่ไม่ว่าฉันจะโกรธ และเศร้าเพียงใด ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่า พวกคุณมันคือปีศาจ ที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ยังล้มเหลวต่อการลงมือทำงาน”

กล่าวกันว่า คำพูดของเธอครั้งนี้ไม่เพียงทำให้ผู้นำหลายประเทศทั่วโลกต่างหันมามองเรื่องของสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง หากยังทำให้เด็ก ๆ จากทั่วโลก ต่างมอง “เกรตา ธันเบิร์ก” เป็นไอดอล และพร้อมจะร่วมมือกับเธอในการดูแลรักษาโลกใบนี้ เพื่อให้อยู่กับมนุษยชาตินานที่สุด

แต่กระนั้นก็มีอีกบางฝ่ายมองว่า น่าจะมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะลำพังเด็กแค่อายุเพียง 16 ปี ไม่น่าจะมีความคิดเช่นนี้ได้ ทั้งยังกล่าวพาดพิงเธออีกด้วยว่า “เกรตา ธันเบิร์ก” ป่วยด้วยอาการแอสเพอเกอร์ (กลุ่มหนึ่งของโรคออทิสติก)

แต่ไม่ว่าใครจะคิดเช่นใด ? เราคงต้องยอมรับความจริงว่า เธอได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ให้หันมาใส่ใจเรื่องของสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง อาจเริ่มต้นจากตัวเองง่าย ๆ ก่อน ก่อนที่จะชักชวนคนในครอบครัว สังคมรอบข้าง และสังคมโลก ให้หันมาทำตามเพราะตอนที่ “เกรตา ธันเบิร์ก” อายุเพียง 8 ขวบ เธอก็เริ่มปลูกผักไว้กินเองที่บ้าน ขณะเดียวกัน เธอก็บอกพ่อ-แม่ให้ช่วยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน เพื่อลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง

ถามว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เกิดจากอะไร ? คำตอบคือเธอได้ยินเรื่องปัญหาภาวะโลกร้อนจากข่าวสารทางโทรทัศน์ จนเธอตั้งคำถามกับตัวเองว่า…ทำไมถึงไม่มีใครเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องนี้เลย ?

ดังนั้น การที่ผู้ใหญ่บางคนมองว่า เธอเด็กเกินไปที่จะคิดเช่นนั้นได้ และน่าจะมีใครสักคนชักใยอยู่เบื้องหลัง จึงเป็นการปรามาสเด็กคนหนึ่งอย่างหยาบช้าที่สุด เพราะถ้าเรามองโลกแห่งความเป็นจริง เราจะเห็นว่าความสนใจของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน

บางคนอยากเป็นนักกีฬา

นักดนตรี

นักร้อง

ฯลฯ

แต่เมื่อเขา และเธอเหล่านั้นอยากเป็นอะไรสักอย่างที่เธอสนใจ พวกเขาก็ต้องมุ่งมั่นฝึกซ้อม ฝึกปรือ และพัฒนาตัวเอง เพื่อก้าวไปสู่ความฝัน โดยอาจเริ่มจากเป็นตัวแทนห้อง ตัวแทนโรงเรียน ตัวแทนเมือง ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่การเป็นตัวแทนประเทศ เพื่อเข้าแข่งขันในระดับทวีป และระดับโอลิมปิกต่อไป

“เกรตา ธันเบิร์ก” ก็น่าจะเป็นเด็กแบบนั้นแต่สิ่งที่พิเศษกว่า คือ สิ่งที่เขารัก และหวงแหนในความชอบ และความฝันของเธอนั้น ไม่ใช่การมุ่งมั่นเพื่อตัวเอง ครอบครัว เมือง หรือประเทศ แต่เขากำลังทำเพื่อมวลมนุษยชาติทุกคนบนโลกใบนี้ ทั้งนั้น เพื่อให้พลเมืองของโลกประจักษ์เสียทีว่า โลกใบนี้ของเรากำลังวิกฤตกำลังใกล้จะแตกสลายมนุษยชาติกำลังใกล้สูญพันธุ์


แล้วคุณกล้าดีอย่างไรถึงจะมาฝากโลกใบนี้ไว้กับเด็ก ๆ อย่างพวกเธอ ?