เลื่อนภาษีที่ดิน ท้องถิ่นต้องพร้อม

บทบรรณาธิการ

พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อ 13 มี.ค. 2562 และให้เริ่มจัดเก็บภาษีตั้งแต่ 1 ม.ค. 2563 โดยให้ผู้ถือครองที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง ชำระภาษีภายในเดือน เม.ย. 2563 ถูกกระทรวงมหาดไทยเลื่อนระยะเวลาออกไปอีก 4 เดือน เป็นภายในเดือน ส.ค. 2563

เท่ากับกระบวนการขั้นตอนที่หน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้จัดเก็บภาษีต้องดำเนินการตามกฎหมายเลื่อนออกไป 4 เดือนด้วย อาทิ การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การจัดส่งข้อมูลให้ผู้เสียภาษี การประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ อัตราภาษีที่จัดเก็บ การแจ้งการประเมินภาษี การชำระภาษี ฯลฯ

โดยกระทรวงมหาดไทยให้เหตุผลว่า เกิดจากความล่าช้าในการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย 8 ฉบับ ยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไม่ทราบถึงหลักเกณฑ์วิธีการปฏิบัติที่ชัดเจนครบถ้วน

แม้ในสภาพความเป็นจริงปัญหาส่วนหนึ่งมาจากความไม่พร้อมของ อปท. ที่เตรียมการไม่เพียงพอ ทั้งที่กว่า พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ จะผ่านสภาประกาศบังคับใช้เป็นทางการ กินเวลาไม่น้อยกว่า 1-2 ปี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสำรวจ จัดทำบัญชี การประเมินภาษี จากโฉนดที่ดินทั่วประเทศกว่า 32 ล้านแปลง บวกกับอาคาร สิ่งปลูกสร้างอีกมหาศาลให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ต้องอาศัยทั้งเวลา เงินงบประมาณ กำลังคน

อย่างไรก็ตาม จากที่รัฐบาลหลายยุคสมัยพยายามผลักดัน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ นานนับสิบปีกว่าจะสำเร็จ เมื่อมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ การเลื่อนหรือขยายเวลาปฏิบัติตามกฎหมายแม้สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นเรื่องเหลือวิสัยหรือจำเป็นจริงๆ

มิฉะนั้นการแก้โจทย์ประเทศตามเจตนารมณ์กฎหมายฉบับนี้ที่มุ่งเน้นกระจายการถือครองที่ดิน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในสังคม และให้การใช้ประโยชน์ที่ดินมีประสิทธิภาพสูงสุด จะถูกขยับเลื่อนไปเรื่อย ๆ

ขณะเดียวกันที่หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะ อปท.ต้องตระหนักและให้ความสำคัญ คือต้องทำทุกวิถีทางให้ผู้ถือครองที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ในฐานะผู้เสียภาษีได้รับความสะดวกในการยื่นชำระภาษี ด้วยการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ลดขั้นตอนวิธีการที่ยุ่งยากหรืออาจนำมาซึ่งปัญหา

จากนี้ไปอีก 4 เดือนจึงเป็นช่วงที่ท้องถิ่นต้องเร่งทำงาน เร่งภารกิจใหม่การจัดเก็บภาษีที่ดินฯ ไม่ให้สะดุด จนกว่าจะสิ้นสุดเวลาให้ยื่นเสียภาษีปลายเดือน ส.ค. 2563 งานจะได้ราบรื่น ให้ผู้อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีพร้อมทำหน้าที่พลเมืองดีด้วยความเต็มใจ