“เที่ยวไทย” ติดสปีด ขับเคลื่อน เศรษฐกิจโค้งท้าย

แฟ้มภาพ

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า [email protected]

 

ต้องยอมรับว่าปี 2562 ที่กำลังจะผ่านไปนี้การท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือตลาดไทยเที่ยวไทย เป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อนภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปีนี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในทุกภูมิภาคได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องตลอดทั้งปี

ขณะที่ภาครัฐของไทยได้พยายามสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการชิม ช้อป ใช้, โครงการเที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก หรือโครงการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย ฯลฯ ส่งผลให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศไทยคึกคักต่อเนื่อง

และยังปั่นกระแสต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายของปีกับงาน Amazing Thailand Countdown 2020 ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

โดยคาดว่างานเคานต์ดาวน์ 2020 ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าภาพจัดใน 6 พื้นที่เมืองรองตามภูมิภาคต่าง ๆ คือ สุโขทัย, ลพบุรี, ราชบุรี, สระแก้ว, กาฬสินธุ์ และพัทลุง รวมถึงไอคอนสยาม กรุงเทพฯ และพื้นที่ ที่ทางททท.ให้การสนับสนุนการจัดงานปีใหม่ในพื้นที่อื่น ๆ อีก 8 พื้นที่ทั่วประเทศจะช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และสร้างรายได้หมุนเวียนได้ถึงราว 2.38 หมื่นล้านบาท

โดยคาดว่าระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2562-1 มกราคม 2563 (รวม 5 วัน) จะมีชาวไทยเดินทางภายในประเทศมากกว่า 3.16 ล้านคน-ครั้ง และมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่กว่า 1.18 หมื่นล้าน

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเที่ยวไทยนั้นคาดว่าในช่วงเดียวกันนี้จะมีจำนวนประมาณ 6.9 แสนคน หรือเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสร้างรายได้ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 4% เช่นกันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ประเมินว่าเป็นผลจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย รวมถึงการเปิดเที่ยวบินใหม่กว่า 380 เที่ยวบิน ซึ่งเป็นเที่ยวบินประจำ เปิดเส้นทางใหม่รวมกว่า 190 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ อาทิ เที่ยวบินจากจีน, ญี่ปุ่น, เมียนมา, เวียดนาม, รัสเซีย, เยอรมนี และอินเดีย

รวมถึงเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือชาร์เตอร์ไฟลต์ ที่ทำการบินเข้าประเทศไทยในช่วงเดือนธันวาคมรวมกว่า 180 เที่ยวบิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินจากจีนสู่กรุงเทพฯ, พัทยา, เชียงใหม่, กระบี่, สุราษฎร์ธานี, สมุย, ภูเก็ต รวมถึงเส้นทางบินจากโซนยุโรปที่บินเข้าอู่ตะเภา, สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต, กระบี่ อีกจำนวนหนึ่งด้วย

ขณะเดียวกัน ททท.ยังมีการจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดต่างประเทศอยู่อย่างต่อเนื่อง และเสริมด้วยมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว อาทิ มาตรการการให้ส่วนลดค่าบริการขึ้น-ลง ท่าอากาศยาน 50% จากอัตราปกติแก่เที่ยวบินเช่าเหมาลำระหว่างประเทศ (1 ธันวาคม 2562-30 เมษายน 2563)

การขยายระยะเวลาเปิดด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย และไทย-สปป.ลาว ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดยาว และการใช้ระบบ e-Visa รวมถึงการขยายเวลามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA ไปถึง 30 เมษายน 2563

ก่อนหน้านี้ผู้เขียนมีโอกาสได้พูดคุยกับ “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถึงเป้าหมายสำหรับปีนี้ ซึ่งท่านผู้ว่ายุทธศักดิ์มีความเชื่อมั่นว่ารายได้จากการท่องเที่ยว

สำหรับปี 2562 นี้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้กล่าวคือ มีรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทยประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 2.04 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดราว 39.8 ล้านคน และหนุนให้ตัวเลขจีดีพีรวมปีนี้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3%

โดยนักท่องเที่ยวจีนจะยังคงมีจำนวนมากที่สุด และเชื่อว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจีนยังจะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น และมีจำนวนรวมอยู่ที่ราว 11 ล้านคน จากจำนวน 10.5 ล้านคน ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ตลาดหลัก ๆ อาทิ มาเลเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี รวมถึงอินเดีย ก็จะยังสามารถขยายตัวได้เช่นกัน

พร้อมยังบอกด้วยว่า สำหรับปี 2563 นั้น รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ 40.8 ล้านคน และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมประมาณ 2.22 ล้านล้านบาท และยังคงตั้งเป้าให้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อ