Founder

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย ชลาทิพย์ ถิรสุทรากุล

สถิติเอสเอ็มอีในประเทศไทยปี’60 ขยับเพิ่มที่ 3,004,679 ราย เทียบกับปีก่อนที่มี 2,765,966 ราย โดยเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ภาคบริการเพิ่มมากที่สุด 135,153 ราย ภาคการค้า 80,984 ราย ภาคผลิต 16,517 ราย ภาคธุรกิจการเกษตร 6,023 ราย

คำว่า “ธุรกิจ” หรือการสร้างธุรกิจของตัวเองพ่วงท้ายว่าเป็นผู้ก่อตั้ง หรือ Founder สำหรับยุคดิจิทัลไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยาก น่าหวาดหวั่น หรือต้องเตรียมพร้อมกันเนิ่นนานหลายปี เพราะหลายครั้ง ความไม่พร้อมก็เรียนรู้ได้รวดเร็ว (แต่ไม่ใช่ลวก ๆ) ในยุคดิจิทัล แต่สิ่งสำคัญคือการ “ยืนระยะ” ทำธุรกิจ และใครจะพาธุรกิจไปได้ไกลขนาดไหน

สิ่งหนึ่งของการยืนระยะในโลกธุรกิจยุคใหม่นี้ การมีแพสชั่น แรงบันดาลใจ ความอดทน และอีกสิ่งสำคัญที่ต้องมี คือ “ความครีเอทีฟ” ที่ต้องเป็นความสร้างสรรค์ รูปธรรมจับต้องได้ เพื่อแข่งทั้งกับกลุ่มธุรกิจเก่า-กระแสหลัก และธุรกิจใหม่ที่ต้องแข่งด้วยกันเองอีก

มีตัวอย่างมาเล่าสู่กันฟัง เมื่อเร็ว ๆ นี้ วอลล์สตรีตเจอร์นัล นำเสนอเรื่องราวผู้ประกอบการโรงแรมขนาดกลางแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก หาหนทางรับมือกับธุรกิจแชริ่งอีโคโนมี Airbnb ที่เขย่าวงการธุรกิจโรงแรมทั่วโลกในช่วง 1-2 ปีมานี้

โดยวิธีการไม่ใช่ระดับ “รับมือ” แต่เป็น “ปรับตัว” เพื่อแข่งขันกับ Airbnb

บทความของวอลล์สตรีตฯตั้งคำถามว่า รูปแบบที่โรงแรมแห่งนี้กำลังทำนั้นหวังจะเขี่ย Airbnb เลยหรือไม่ ?

โรงแรมแห่งนี้ชื่อ Public เปิดบริการห้องพัก 367 ห้อง ในย่านโลเวอร์อีสต์ไซด์ในแมนฮัตตัน จากชั้นกราวนด์ขึ้นมาถึงชั้นล็อบบี้จะไม่พบรูปแบบสไตล์โรงแรม คือ ไม่มีเคาน์เตอร์ด้านหน้า ไม่มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ไม่มีพนักงานยกกระเป๋า แขกที่พักใช้วิธีเช็กอินด้วยตัวเองที่แท็บเลตที่จะวางเรียงรายตั้งไว้บนโต๊ะ สามารถกดหารายละเอียดการจอง กดรหัสเข้าห้องพัก ทำทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และหากมีข้อสงสัยจะมีพนักงานให้คำแนะนำ

ทั้งหมดได้ตัดลดทอนกระบวนการบริการแบบโรงแรมดั้งเดิมออกไป และหันไปเพิ่มสิ่งน่าสนใจอื่น ที่มีมากกว่า Airbnb คือ ชั้นล่างของโรงแรม เปิดเป็นตลาดจำหน่ายผลไม้สด วัตถุดิบท้องถิ่น มีร้านอาหาร World Food สร้างบาร์ 5 แห่ง มีบาร์รูฟท็อปให้เป็นพื้นที่สังสรรค์จุดขายโชว์วิวแมนฮัตตันเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ฝั่งอาหารและเครื่องดื่ม

การติดต่อกับโรงแรมถามได้ทางเฟซบุ๊กเมสเสจ ซึ่งใช้ระบบแชตบอตในการให้ข้อมูล โดยส่วนไหนจำเป็นต้องใช้บริการจากพนักงานก็จะส่งข้อความเพื่อให้พนักงานบริการต่อไป โรงแรมรูปแบบนี้จะขยายไปอีก 5 แห่งในบรูกลิน ไมอามี ลาสเวกัส และในยุโรป

โมเดลของโรงแรมขนาดกลางแห่งนี้ จึงถูกตั้งคำถามว่าปรับตัวเพื่อท้าชนกับ Airbnb ?

ผลการศึกษาของ “มอร์แกน สแตนลีย์” ปีที่ผ่านมาพบว่า นักเดินทางแนวท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ 25% และกลุ่มเดินทางเพื่อทำธุรกิจ 23% นิยมใช้บริการ Airbnb คาดการณ์ว่าครบปี 2017 ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวจะใช้บริการที่พักผ่าน Airbnb เพิ่มอีก 12%

ยิ่งนิ่งเฉย…ธุรกิจโรงแรมแบบดั้งเดิมย่อมได้รับผลกระทบ และถูกแทนที่ด้วย Airbnb ในสถิติที่ขยับขึ้นเรื่อย ๆ

หนทางที่จะรับมือ หรือสู้กลับกันได้ จึงต้องสลัดความเป็นโรงแรมขนาดกลางแบบเก่าทิ้งไป และเล่นตามเกม แต่ทำให้พรีเมี่ยมขึ้น

บทความวอลล์สตรีตฯ คุยกับนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมที่เล่าไปข้างต้น ซึ่งมีประสบการณ์ทำธุรกิจด้านโรงแรม และสถานบริการมากว่า 40 ปี ปัจจุบันอายุถึง 71 ปีแล้ว

เขาบอกว่า หนทางที่จะสู้กับ Airbnb ได้ ต้องมีไอเดียที่เข้มแข็ง หนักแน่นกว่า เพื่อมาแทนไอเดียที่เจ๋งอยู่แล้วนั่นเอง


เป็นตัวอย่างธุรกิจขนาดกลางที่ปรับตัวรับมือสู้กับกระแสธุรกิจยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีและการลดต้นทุนเพื่อยังคงสถานะการเป็น Founder ผู้บริหารธุรกิจที่มีระดับความคิดสร้างสรรค์โดดเด่นในธุรกิจของตัวเอง