บทนำ
เชื้อไวรัส “โควิด-19” หรือ “ไวรัสโคโรน่า 2019” มหันตภัยร้ายแรงสุดในรอบหลายทศวรรษยังคุกคามโลกไม่หยุด หากยังไม่สามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดจะยิ่งเพิ่มปัจจัยเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจโลกที่กำลังมีปัญหาดิ่งลงหนักกว่านี้
จากศูนย์กลางการระบาดที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ลามสู่หลายประเทศในเอเชีย แค่เดือนเศษ “โควิด-19” แพร่กระจายทั้งในเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา ส่าสุดไปถึงสหรัฐอเมริกา ฯลฯ ไม่แปลกที่องค์การอนามัยโลก (WHO) จะประกาศสถานการณ์สาธารณสุขฉุกเฉินระหว่างประเทศ เพื่อระดมทรัพยากรรับมือโรคร้ายที่อาจวิกฤตรุนแรงขึ้นอีก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ในส่วนของไทย วันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมรวม 40 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 12 ราย หายป่วยและออกจากโรงพยาบาล 28 ราย มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ต้องเฝ้าระวัง 2,437 ราย ขณะที่ทั่วโลกใน 48 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ ฯลฯ ตั้งแต่ 5 ม.ค.-27 ก.พ. พบผู้ป่วยติดเชื้อ 82,524 ราย เสียชีวิต 2,812 ราย
เพื่อรับมือการติดเชื้อ “โควิด-19” ที่กำลังแพร่ระบาดรุนแรงในหลายประเทศ หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ลงนามในประกาศให้ไวรัสโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย เมื่อ 26 ก.พ. ขณะนี้เตรียมประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่สามารถบังคับใช้กฎหมายสกัดการระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การแพร่กระจายของ “โควิด-19” ไม่ใช่แค่ทำให้คนทั่วโลกหวาดวิตกว่าจะติดเชื้อโรคร้ายเท่านั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ถูกกระทบทั้งทางตรง ทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิต การท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอย การลงทุน รวมทั้งตลาดหุ้นที่ดิ่งวูบลงทั่วโลก ส่งผลต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสปอดอักเสบชนิดนี้
จากระยะที่ 1 สู่ระยะที่ 2 การแพร่ระบาดในไทยในวงจำกัด แม้กระทรวงสาธารณสุขพยายามตรึงสถานการณ์ระยะที่ 2 ให้นานที่สุด มีมาตรการสกัดคัดกรองเข้มข้น
โดยเฉพาะการให้ข้อมูล สร้างความเข้าใจให้ประชาชนตระหนัก และให้ความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยง ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำ อาทิ ระมัดระวังในการสัมผัสกับผู้ที่มีความเสี่ยง หลีกเลี่ยงเข้าพื้นที่ชุมชน สถานที่แออัด ฯลฯ
ขณะที่รัฐต้องพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน ทั้งสถานที่ บุคลากร เครื่องมือ เวชภัณฑ์บำบัดรักษา ฯลฯ เพราะหาก “โควิด-19” ระบาดรุนแรง การแก้วิกฤตบรรเทาความเสียหายจะได้ทันการณ์