เนิร์ซซิ่งโฮม…โตตามรอยญี่ปุ่น “ฮันโนะ-เวชพงศ์” โฟกัสไฮเอนด์

คนแก่, ผู้สูงอายุ
ภาพข่าว : Pixabay
สัมภาษณ์

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ นั่นหมายถึงโอกาสของธุรกิจ “เนิร์ซซิ่งโฮม” หรือธุรกิจรับดูแลผู้สูงอายุ ที่มีผู้ประกอบการกระโดดเข้ามาในตลาดนี้เป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับความต้องการที่มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว รวมถึงศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ “ฮันโนะ” ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลผู้สูงอายุฮันโนะ ในประเทศญี่ปุ่น และมีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุมานานกว่า 40 ปี และมีความเชี่ยวชาญการรักษาภาวะสมองเสื่อม ที่ร่วมมือกับบริษัท เวชพงศ์โอสถ จำกัด บริษัทสมุนไพรไทยและจีน ตั้งบริษัท ฮันโนะ-เวชพงศ์ เจริเอทริค เซ็นเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุฮันโนะ-เวชพงศ์ เพื่อรองรับโอกาสการขยายตัวของผู้สูงอายุในไทย ด้วยงบลงทุน 150 ล้านบาท ที่ถนนนาคนิวาส ลาดพร้าว

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “จุนอิชิโร่ ซาโต้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮันโนะ-เวชพงศ์ เจริแอทริค เซ็นเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ถึงโอกาสและกลยุทธ์การเติบโตจากนี้ไป หลังจากเปิดให้บริการมากว่า 1 ปี

“จุนอิชิโร่” เริ่มต้นการสนทนาว่า จริง ๆ แล้ว ฮันโนะในประเทศญี่ปุ่นมีจุดแข็งด้านการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม โดยโมเดลการรักษาผู้สูงอายุในญี่ปุ่นประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงเริ่มมองหาตลาดในประเทศอื่น ๆ เพื่อสร้างการเติบโต ก่อนที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยก็ได้ศึกษาตลาด และพบว่ามีจำนวนผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ขณะนี้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ aging society แล้ว หรือมีประชากรสูงวัยอายุตั้งแต่ 65 ปี ประมาณ 7% ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2564 ไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ หรือมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากถึง 20% ขณะเดียวกันก็จะทำให้มีจำนวนผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้จะต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง

“จุนอิชิโร่” บอกว่า ประเทศญี่ปุ่นผ่านจุดนี้มาแล้วกว่า 40 ปี และมีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม รู้ว่าจะดูแลอย่างไรให้ถูกวิธี โดยจะนำความรู้และประสบการณ์จากญี่ปุ่นมาปรับใช้กับผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมในไทย โดยจะโฟกัสกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับไฮเอนด์เป็นหลัก และได้เตรียมความพร้อมในการดูแลอย่างครบวงจร ทั้งอาคารสถานที่ เครื่องมือเทคโนโลยี-นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ

“วิธีการดูแลผู้สูงอายุที่ถูกต้องคือ การทำให้ผู้สูงอายุทำหรือช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง เช่น การรับประทานอาหาร ผู้ดูแลจะช่วยป้อนให้ แต่นาน ๆ ไปเขาจะสูญเสียความสามารถในการทำ รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ถ้าผู้ดูแลช่วยเหลือมากเกินไป ผู้สูงอายุจะไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เต็มที่ เราไม่ได้รับมาเพื่อพักอาศัย แต่ต้องสร้างแรงจูงใจและช่วยเหลือให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี”

ซีอีโอ ฮันโนะ-เวชพงศ์ ย้ำว่า อาจจะกล่าวได้ว่า ฮันโนะ-เวชพงศ์ เป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่แรกที่โฟกัสการดูแลและรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม และเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากเนิร์ซซิ่งโฮมรายอื่น ๆ และมีพยาบาลวิชาชีพคอยดูแลผู้สูงอายุ 24 ชม. นักกายภาพบำบัดคอยดูแล มีกิจกรรม ร้องเพลง ทำผม นวด แช่ออนเซ็น เล่นกีฬา ตลอดจนการสันทนาการกระตุ้นสมอง การฝึกและพัฒนาสมอง มีทั้งการดูแลระยะสั้นและระยะยาว ทั้งแบบไปกลับและรายเดือน โดยผู้สูงอายุ 1 คนจะมีเจ้าหน้าที่ดูแล 1 คน และวิธีการดูแลผู้สูงอายุก็จะแตกต่างกันออกไป

ปัจจุบัน ฮันโนะ-เวชพงศ์ มีความพร้อมทั้งแพทย์ พยาบาล และพนักงาน มีห้องพักรวม 48 ห้อง สามารถรองรับผู้สูงอายุแบบพักประจำได้ 54 คน และรองรับผู้สูงอายุแบบไปกลับได้ 30 คน มีห้องพัก 3 รูปแบบ ได้แก่ premium room ห้องเตียงเดี่ยวแบบพิเศษ มีจุดเด่นใกล้ห้องพยาบาล พร้อมด้วยเตียงไฟฟ้ารุ่นพิเศษ, private room ห้องเตียงเดี่ยว และ twin-bed room ห้องเตียงคู่ มีราคาต่างกัน เริ่มตั้งแต่ 6 หมื่นบาท-9 หมื่นบาท ส่วนรายวันราคาอยู่ที่คืนละ 2,800บาท โดยแพ็กเกจนี้จะควบคู่กับกิจกรรมกายภาพบำบัดเพื่อกระตุ้นแรงจูงใจ พร้อมมีอาหาร 3 มื้อ และอาหารว่าง รวมถึงกิจกรรมแช่ออนเซ็น นวดผ่อนคลาย ซาลอน และยังมีโซนให้อ่านหนังสือและเล่นกีฬา

นอกจากนี้หัวใจหลักในการดูแลผู้สูงอายุยังจะต้องมีความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการเลือกอุปกรณ์ เช่น พื้นทางเดินจะต้องใช้วัสดุที่หนาพิเศษ เพื่อป้องกันการลื่นล้ม การมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ออกแบบมาสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ รวมถึงระบบความปลอดภัยต่าง ๆ อาทิ กล้องวงจรปิด ระบบแจ้งเตือนเมื่อผู้สูงอายุลุกจากเตียง และหน่วยรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง

“จุนอิชิโร่” ยังกล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานจากนี้ไปว่า มีแผนขยายสาขาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเพิ่ม 2 แห่ง โดยจะยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เน้นไปที่ที่มีทราฟฟิกสูงและมีกำลังซื้อ โดยการขยายสาขาใหม่ จะเป็นโมเดลเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน และเชื่อว่าการเปิดสาขาในอนาคตจะง่ายกว่านี้ เพราะอีก 2 ปี ไทยจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ประกอบกับค่านิยมของสังคมไทยเริ่มเปลี่ยน และเปิดกว้างมากขึ้น คล้าย ๆ กับในประเทศญี่ปุ่น เมื่อสัก 20-30 ปีที่ผ่านมา เมื่อก่อนคนญี่ปุ่นยังไม่มีใครที่อยากพาพ่อ-แม่ ไปอยู่ที่ศูนย์ดูแล และจะรู้สึกผิดมากหากทำแบบนั้น แต่ปัจจุบันพฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป คาดว่าในอนาคตเมืองไทยก็จะเป็นเช่นเดียวกับญี่ปุ่น

นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ตอนนี้ ฮันโนะ-เวชพงศ์ อาจจะยังเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาดนี้ หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักและคุ้นเคย แต่จากนี้ไปบริษัทมีแผนจะโปรโมตตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะผ่านช่องทาง Facebook ที่จะเน้นการสร้างคอนเทนต์ที่มุ่งให้ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้สูงอายุ นอกจากนี้ก็ยังจะร่วมกับสถาบันการเงิน หรือธนาคารต่าง ๆ จัดแคมเปญทางการตลาดหรือโปรโมชั่น อาจจะเป็นเรื่องของการให้ส่วนลดและระบบการผ่อนจ่าย เพื่อกระตุุ้นตลาดอีกทางหนึ่ง

นอกจากเมืองไทยแล้ว ยังมองไปถึงโอกาสที่จะขยายการลงทุนเพื่อเปิดสาขาในประเทศสิงคโปร์ ที่ตอนนี้เริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่สนใจ