คดีบอส อยู่วิทยา : ทำความเป็นธรรมให้ประจักษ์

บอส อยู่วิทยา

กรณีพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทมหาเศรษฐีบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง คดีขับรถชนตำรวจ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 กำลังเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์สนั่นทั้งในวงสนทนาทั่วไป ในสื่อโซเชียล กลายเป็นข่าวดังที่ิได้รับความสนใจไปถึงต่างประเทศ

เป็นเผือกร้อนสั่นสะเทือนกระบวนการยุติธรรมไทย ทำให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั่งไม่ติด ถึงขนาด
แต่งตั้งคณะทำงาน 3 ชุดขึ้นตรวจสอบ ลดแรงกดดันจากรอบด้าน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด สั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดี ขณะที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้เกิดความโปร่งใสเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้แต่กรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรมและมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ก็หยิบยกเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม กมธ.

กรณีดังกล่าวไม่ใช่แค่ผลการชี้ขาดของอัยการจะค้านสายตาชาวบ้านเท่านั้น แต่ปมที่ถูกนำมาขยายชี้ให้เห็นว่าอาจมีเรื่องไม่ชอบมาพากล อาทิ ระยะเวลาทำคดีที่ยาวนานกว่า 8 ปี การละเลยหรือจงใจให้บางข้อหาหมดอายุความ สุดท้ายผู้ถูกกล่าวหาหลุดทุกข้อหา ถอนหมายจับทั้งในประเทศ ต่างประเทศ

เป็นเคสประวัติศาสตร์ที่เขย่าอำนาจฝ่ายบริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติ รุนแรงกว่าหลายคดีก่อนหน้านี้ที่สังคมอาจเคยเคลือบแคลงสงสัย แต่กรณีนี้สื่อต่างชาติเกาะติด ประโคมข่าวดัง จึงน่าห่วงว่าจะกระทบความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบ

พิจารณาผิวเผินอาจไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ แต่หลักนิติรัฐ นิติธรรม การปกครองประเทศโดยกฎหมาย ไม่ใช่อำนาจนอกระบบ เป็นสิ่งที่นานาประเทศให้ความสำคัญ และเป็นหลักประกันในการดำเนินชีวิต การทำธุรกิจ ลงทุน ทั้งกับประชาชน ธุรกิจเอกชนทั้งไทย-ต่างชาติ

รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเร่งแก้ปัญหาโดยยึดหลักกฎหมาย ให้ทุกภาคส่วนหมดความคลางแคลงใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ขณะเดียวกัน ก็ฟื้นศรัทธาเชื่อมั่นโดยดำเนินการ
ทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใสเป็นธรรมอย่างแท้จริง

ลบล้างคำกล่าวอ้างและข้อครหาในทำนอง “คุกมีไว้ขังคนจน” “กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน” “ความยุติธรรมเงินซื้อได้” ฯลฯ ก่อนจะบานปลายกลายเป็นวิกฤตศรัทธา กระทบเศรษฐกิจ สังคม ทำให้สารพัดปัญหาที่หนักหนาสาหัสอยู่แล้วยิ่งแก้ยาก ฉุดประเทศถอยหลังจนไม่อาจเดินหน้าได้