
คอลัมน์ ดุลยธรรม ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ
การลงทุนในตลาดการเงินและค่าเงินบาทจะมีความผันผวนอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ จากปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ สำหรับปัจจัยภายนอกนั้นผลของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะกำหนดทิศทางตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก
หาก “โจ ไบเดน” ชนะเลือกตั้งทั่วไปประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ส่งผลต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจในทางบวก และเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินของไทยด้วย อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์อาจไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และทำให้การประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการต้องยืดเยื้อออกไป
หากเกิดความวุ่นวายในการยอมรับผลการเลือกตั้งจะทำให้ตลาดการเงินโลกในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมผันผวนปั่นป่วนได้ กระแสเงินทุนอาจไหลออกจากตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทางการเงิน เช่น ตลาดหุ้น ตลาดตราสารอนุพันธ์ต่าง ๆ มากขึ้น
ตามระบบกฎหมายการเลือกตั้งของสหรัฐในเดือนธันวาคม จะใช้คะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) ไม่ใช่คะแนนเสียงข้างมากของประชาชน (popular vote) คณะผู้เลือกตั้งจะประชุม
พร้อมกันในรัฐของตนเอง และลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีกับรองประธานาธิบดีบนบัตรเลือกตั้งที่แยกกัน กำหนดให้เป็นวันที่ 14 ธันวาคม
ถัดมาก็เป็นการนับคะแนนอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มกราคม 2564 ปีถัดจากปีเลือกตั้ง โดยประธานวุฒิสภาเป็นประธานการนับคะแนนในการประชุมสภาคองเกรส และประกาศชื่อผู้ชนะเลือกตั้ง แต่หากนับคะแนนแล้วไม่มีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใดได้คะแนนอย่างน้อย 270 เสียง สภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้ตัดสินผู้ชนะการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 พฤศจิกายน ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการแล้ว มีฐานะเป็นว่าที่ประธานาธิบดีและจะมีกระบวนการในการส่งมอบงานและเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งหากเกิดผลการเลือกตั้ง electoral vote และ popular vote ออกมาแตกต่างกันเช่นในอดีต ปัญหาทางการเมืองจะซับซ้อนมากกว่าการเลือกตั้งในครั้งก่อน ๆ ระหว่าง อัล กอร์ ที่ชนะ popular vote กับ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ชนะ electoral vote หรือกรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะ electoral vote กับ ฮิลลารี คลินตัน ชนะ popular vote
หากผลการเลือกตั้งไม่แสดงถึงชัยชนะเด็ดขาดของ โจ ไบเดน ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะตั้งข้อสงสัยต่อผลการเลือกตั้งและฟ้องศาลกรณีที่ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีพ่ายคะแนนมหาชน แต่กลับได้รับเลือกเป็นผู้นำสหรัฐ เคยเกิดมาหลายครั้งแล้ว อย่างการเลือกตั้งในปี 2000 ซึ่ง จอร์จ ดับเบิลยู. บุช จากรีพับลิกัน ได้คะแนนมหาชน 50,456,002 เสียง ในขณะที่ อัล กอร์ จากเดโมแครตได้ 50,999,897 เสียง แต่คะแนนเสียงจากคณะเลือกตั้งอยู่ที่ 271 ต่อ 266 เสียง
หรือกรณี โดนัลด์ ทรัมป์ คือผู้ชนะการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2016 เพราะได้คะแนนเสียงจากระบบ electoral college (EC) เกินกว่ากึ่งหนึ่ง หรือ 270 คะแนน ทั้ง ๆ ที่คะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชน (popular vote) น้อยกว่า ฮิลลารี คลินตัน
หากมีความวุ่นวายในเรื่องผลการเลือกตั้งสหรัฐ ตลาดทองคำ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ รวมทั้งตลาดตราสารหนี้พันธบัตรอาจกลับมาได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น และทิศทางราคาทองคำอาจกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งหนึ่งหากมีความวุ่นวายหลังการเลือกตั้งสหรัฐ
ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยขณะนี้ การกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจช่วง 2 เดือนสุดท้ายจะสะดุดลงอย่างรุนแรงด้วยการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และการใช้กำลังสลายการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยอันสงบ (หากเกิดขึ้นอีก) หรือการเข้าจับกุมแกนนำผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงขัดต่อหลักการสิทธิมนุษยชนอย่างแจ้งชัด การลงทุนในตลาดการเงินและค่าเงินบาทจะมีความผันผวนอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เหลือของปี
การชุมนุมแบบ flash mob ไม่ได้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจเลย เพราะไม่ยืดเยื้อ ไม่มีการปิดถนน ไม่มีการปิดสถานที่ราชการ หรือย่านทางธุรกิจ เพียงมาแสดงจุดยืนทางการเมืองของประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนแล้วก็แยกย้ายกลับบ้านด้วยความสงบเรียบร้อย
นอกจากนี้ การปิดถนน ปิดการขนส่งสาธารณะ ปิดพื้นที่เกิดจากอำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ก็ได้รับการเตือนจากองค์การสหประชาชาติว่าละเมิดต่อหลักพื้นฐานทางด้านสิทธิมนุษยชน และไม่อาจบังคับใช้ได้จากการทำอารยะขัดขืนของมวลชนต่อการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม
การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเกิดความลำบากใจในการปฏิบัติงานและเป็นการทำลายระบบนิติรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีมโนธรรมถูกบังคับโดย พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ต้องจำใจสลายการชุมนุมเพราะต้องทำตามอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงเป็นกลุ่มคนที่น่าเห็นใจ
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกฝ่ายเคารพเจตจำนงและการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน และประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ รวมถึงกลุ่มบุคคลใด ๆ ที่สนับสนุนให้เกิดความรุนแรงขึ้น สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติ เป็นสิทธิโดยชอบตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่ในการให้หลักประกันและคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุม และงดใช้มาตรการรุนแรงในทุกรูปแบบ
ฉะนั้น จึงควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยพลัน แล้วควรให้แกนนำผู้ชุมนุมอันประกอบไปด้วย คณะประชาชนปลดแอกก็ดี กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมก็ดี กลุ่มคณะราษฎร 2563 ก็ดี ได้ประกันตัวแล้วรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือให้ยุติชุมนุมชั่วคราว เปิดการเจรจาหารือเพื่อหาทางออกของบ้านเมือง จะทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจและภาคการลงทุนลดลงเนื่องจากศักยภาพและปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยนั้นมีจุดแข็ง คือ เป็นประเทศที่มีการติดเชื้อโควิด-19 ต่ำมาก และจะมีโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนอีกมากในอนาคต
ไม่มีประชาชนในประเทศนี้คนใด “ชังชาติ” หรือต้องการ “ล้มเจ้า” อย่างที่พยายามใส่ร้ายป้ายสีกันด้วยปฏิบัติการ IO ที่ใช้เงินภาษีประชาชนหน่วยงานของรัฐพึงสำนึกว่า ท่านกำลังทำลายประเทศและทำร้ายประชาชน สร้างความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ สร้างความเสี่ยงและความไร้เสถียรภาพให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการ จะนำไปสู่สถานการณ์รุนแรงขัดแย้งเพิ่มขึ้น
ให้นึกถึงบทเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตของไทย ไม่ว่ากรณี 6 ตุลา 19 ก็ดี ไม่ว่ากรณีเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 35 และ 53 ก็ดี หรือบทเรียนในต่างประเทศ รัฐบาล สมาชิกรัฐสภาทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล สมาชิกวุฒิสภา ผู้ชุมนุม ประชาชนทุกคน สามารถร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศเปลี่ยนผ่านจากระบอบ คสช.สู่ระบอบประชาธิปไตยอันมี “กษัตริย์” เป็นประมุขได้ด้วยการผลักดันให้มีทางออก และให้มีการผ่านร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ
รวมทั้งร่างของ iLaw ในขั้นรับหลักการ แล้วพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในวาระ 3 เปิดให้มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. เพื่อร่างรัฐธรรมนูญและวางกรอบยุทธศาสตร์รวมทั้งแนวทางการปฏิรูปประเทศ จากนั้น จัดให้มีการทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี