คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ โดย ประเสริฐ จารึก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- ออมสิน เปิดให้กู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ลดดอกเบี้ย 4 กลุ่ม เช็กเลย !
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
กว่า 2 ปีที่รัฐบาล คสช.ใช้ความพยายามคออย่างยิ่งยวดจะให้รถไฟไทย-จีน “กรุงเทพฯ-นครราชสีมา” เป็นรถไฟความเร็วสูงสายแรกของประเทศไทย
จึงทุ่มเม็ดเงินลงทุน 179,412 ล้านบาทเดินหน้าผลักดัน
แต่ดูเหมือนความปรารถนาจะถูกทอดเวลาออกไป หลังเจอโรคเลื่อนตอกเข็มซ้ำซาก
ทั้งที่ตัดแบ่งสร้างเป็น 4 เฟส และเลือกคิกออฟช่วงสั้น ๆ 3.5 กม. ที่ไม่มีปัญหาเวนคืนที่ดิน จาก “สถานีกลางดง-ปางอโศก” หวังให้เป็นจุดเริ่มต้นโครงการ
ล่าสุดกำหนดการลงเข็มต้นแรกเลื่อน 1 เดือน จาก ต.ค.เป็น พ.ย. นี้
ต้องรอการอบรมทดสอบวิศวกรจีน 77 คน ให้เสร็จปลายปีนี้
ต้องรอจีนส่งแบบเฟสแรก 3.5 กม.
ต้องรอรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ผ่านการอนุมัติ
ต้องรอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กรมทางหลวงเป็นผู้ก่อสร้างเฟสแรก
จะว่าไปแล้วแผนการปักธงสร้างไฮสปีดเทรนสัญชาติมังกรสายนี้ มีการขยับไทม์ไลน์มาหลายครั้ง
นับจากทั้งสองรัฐบาลเซ็น MOC ร่วมกันตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 2557
แต่เป็นเพราะผลการเจรจาไม่สะเด็ดน้ำ จึงทำให้ฤกษ์ตอกเข็มเลื่อนอยู่หลายรอบ
ครั้งแรกจาก ธ.ค. 2558 เป็น ธ.ค.2559
แต่เพราะผลเจรจาไม่ลงตัว เลื่อนมาเป็น มี.ค. 2560 จากนั้นขยับเรื่อยมา
ข่าวเลื่อนสร้างรถไฟไทย-จีน ได้ยินกันจนชิน เพราะเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จากเดือนเป็นปี และยาวข้ามปี
แม้ “คสช.” จะงัด ม. 44 มาคลี่ปมข้อกฎหมายที่ยังจูนไม่ตรงกัน เพื่อรันโครงการที่ติด ๆ ขัด ๆ ให้สะดวก
รวมถึงจ้างตรง “กรมทางหลวง” มาเนรมิตเฟสแรกจุดเริ่มต้นโครงการ เพื่อให้สองประเทศปักธงแสดงสัญลักษณ์ความสำเร็จของโครงการทันปีนี้
แต่ถึงขณะนี้การเดินทางของรถไฟสายนี้ ยังฝ่าอุปสรรคไม่ได้สักที
ดังนั้นฤกษ์สร้างในเวลานี้ จึงมีคำตอบเดียว …เมื่อพร้อม
จะเป็นเมื่อไหร่ ? ยังไม่มีใครตอบได้
เพราะยังต้องฝ่าด่านหินคณะกรรมการผู้ชำนาญการ(คชก.)ไฟเขียวรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่ไม่สามารถควบคุมเวลาได้
ที่ผ่านมาก็ปรับแก้รายงานกันมาถึง 6 ครั้ง กำลังจะยื่นครั้งที่ 7 ที่ยังติดปัญหาพื้นที่ช่วงมาบกะเบา จะต้องเจาะภูเขาสร้างเป็นอุโมงค์
ซึ่งแนวเส้นทางพาดผ่านพื้นที่ประทานบัตรทำเหมืองของ 4 ผู้ประกอบการผลิตปูนซีเมนต์ อาทิ ปูนซิเมนต์ไทย ปูนทีพีไอ ปูนนครหลวง คิดเป็นพื้นที่รวม 320 ไร่
ในผลศึกษาเดิม “กระทรวงอุตสาหกรรม” ต้องจัดหาพื้นที่ใหม่รัศมีแนวรถไฟทางคู่ให้เป็นการทดแทน
ซึ่ง “คชก.” ต้องการคำตอบที่แน่ชัดก่อนจะลงมติ เรื่องนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ผู้รับผิดชอบการทำรายงานอีไอเอ
ได้สอบถาม 4 โรงปูนไปแล้วเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ช่วงทำผลศึกษารถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ก่อนที่จะกลายร่างมาเป็นรถไฟไทย-จีน
แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมาหลายปี “คชก.” จึงต้องการคำตอบที่ชัวร์ ไม่ได้มั่วนิ่ม
น่าจับตา “สนข.” จะเคลียร์ปมนี้จบภายในต.ค. เพื่อนำไปสู่การเริ่มต้นก่อสร้างภายในพ.ย.นี้ อย่างที่ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” เจ้ากระทรวงคมนาคมเดดไลน์ได้หรือไม่
เพราะโครงการใหญ่ ใช้เงินลงทุนมหาศาล จึงต้องใช้เวลาจาระไนนานเป็นพิเศษ
ที่สำคัญรถไฟความเร็วสูงเป็นเรื่องใหม่ ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย
รอฟังคำตอบอีกครั้ง จากที่ประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-จีนครั้งที่ 22 วันที่ 22-24 พ.ย.นี้
ฤกษ์ตอกเข็มจะยังเป็นปีนี้หรือปีหน้า