เพื่อไทย พรรคม้าป่วย

คอลัมน์สามัญสำนึก 
อิศรินทร์ หนูเมือง

ปี 2564 จะได้เห็นพรรคเพื่อไทยปรับใหญ่อีกครั้ง

คือคำปรารภอย่างมั่นใจของขุนพลทักษิณในมุ้งบ้านจันทร์ส่องหล้า

สารพัดเหตุผล ที่ขุนพลใหญ่เพื่อไทยประกาศเรื่องปรับใหม่ ตลอดเวลาในช่วงปีที่ผ่านมา

เพราะเพื่อไทยในเงาอำนาจของเจ้าแม่กรุงเทพฯ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” แม้สร้างผลงานหน้าฉากว่าเข้าถึง-เข้านอก-ออกใน วงอำนาจในค่ายทหารใหญ่ได้

ส่งผลทางอ้อม-มีส่วนเสี้ยวต่อคดีของทายาทบ้านจันทร์ส่องหล้า

แต่บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ คือ สไตล์การเมืองของ “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อ “ให้-ใช้หนี้” ในทางอำนาจกันหมดแล้ว ก็หมดพันธะ-พ้นวาระ

เหตุผลที่หยิบมากวาดล้างทีมเจ้าแม่เมืองหลวงเจ้าของสถานภาพ “สมาชิกตลอดชีพ” จึงถูกยกมาเป็นข้อ ๆ ราวกับแคมเปญหาเสียงยุคไทยรักไทย ทั้ง จำกัดอำนาจขั้วอื่น, ประชุม ๆ พูด ๆ สั่ง ๆ อย่างเดียว ไม่มีแผนปฏิบัติการ, ค่าของคนอยู่ที่คนของเจ๊, ระบบเส้นสายเบ่งบาน, สร้างภาพแต่ไร้คะแนนเสียง, จัดการใน-นอกสภาจนสูญเสียการนำในพรรคฝ่ายค้าน

ขณะที่ “การลงทุน” ทั้งในแง่ asset และขุมกำลัง ล้วนมาจาก “ผู้ถือหุ้นใหญ่” ตลอดกาล จากบ้าน “ชินวัตร” แต่ดอกผลทางการเมือง กลับไม่เกิดรูปธรรม การยึดอำนาจคืน จึงเกิดขึ้น

ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่าง “ทักษิณ” กับ “สุดารัตน์” นานนับ 3 ทศวรรษ อยู่เคียงข้างกันมาแล้วถึง 4 พรรค จึงขาดสะบั้น

ขุนพลบ้านจันทร์ส่องหล้า และแขนขา-มันสมองของกลุ่มแคร์ ยาตราเข้า “ดิสรัปต์” เพื่อไทยเต็มรูปแบบ

พรรคการเมืองที่เคยกำชัยชนะ สร้างตำนานด้วยแคมเปญหาเสียง จนชนะถล่มทลายแลนด์สไลด์ติดต่อกัน 5 ครั้ง

จึงเข้าสู่ยุคการคัดสรรม้าศึกใหม่อีกรอบ

เหมือนกับสำนวนจีนที่เล่าต่อกันว่าเป็นช่วง “ป๋อเล่อเลือกม้า”

“ป๋อเล่อ” คือผู้ที่มีความสามารถในการคัดเลือกยอดอาชา มีความรู้เรื่องม้าอย่างลึกซึ้ง โดดเด่น

เมื่อได้รับมอบหมาย “อ๋องรัฐฉู่” ให้หาม้า “ห้อพันลี้” มีฝีเท้าเป็นเลิศในแผ่นดินมาถวาย

“ป๋อเล่อ” เดินทางไปหลายรัฐ เพื่อเสาะหาม้า ใช้เวลายาวนาน แต่ไม่พานพบ

แต่แล้ว “ป๋อเล่อ” ได้เห็นม้าตัวหนึ่ง กำลังใช้แรงลากเกวียนเกลือ ด้วยท่าทางอิดโรย เฉื่อยเนือย แต่เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ กลับเห็นถึงแรงปรารถนา ดวงตาที่มุ่งมั่น เขาพบว่าม้าตัวนี้เองคือสุดยอดอาชาที่เขาเสาะหา

ป๋อเล่อ พิเคราะห์ว่า ม้าตัวนี้หากวิ่งอยู่ในสนามรบ ฝีเท้าของมันจักไม่มีม้าตัวใดเทียบเทียมได้ แต่หากนำมาบรรทุกของ มันกลับไม่อาจเปรียบกับม้าธรรมดา ๆ ตัวอื่น จึงขอซื้อม้าตัวนี้

เจ้าของม้าที่ใช้งานมันมาตลอด หาได้เห็นแววของม้าตัวนี้ไม่ กลับเห็นแต่ความกินจุ ทึ่มทื่อ ป่วย ไม่มีพลัง จึงตกลงรีบขายม้าทันที

เมื่อม้าได้เจ้าของใหม่ ระดับขุนพลเลือกม้าศึก มันจึงแสดงอาการดีดขาหน้าตะกุยอากาศ ร้องเสียงกังวาน จนท่านอ๋องต้องรีบสาวเท้าเข้ามาดูตัว

หะแรก ท่านอ๋องมองเห็นลักษณะภายนอก ตรัสอย่างโกรธกริ้วว่า ม้าตัวนี้ดูทึ่มทื่ออย่างยิ่ง ขนาดเดินเฉย ๆ ยังยาก จะให้ขี่-ควบ ลงสนามรบคงเป็นไปไม่ได้

แต่ป๋อเล่อเลือกม้าตัวนี้มาแล้วยืนกรานว่า แม้มีลักษณะทึ่มทื่อ เพราะผ่านความยากลำบากในเกวียนเกลือ แต่หากได้เจ้าของใหม่ รับรองจะคืนสู่ความเป็นสุดยอดม้าศึก

แม้ท่านอ๋องจะไม่เชื่อป๋อเล่อ นักคัดเลือกม้าศึก แต่ก็ให้โอกาสดูแลม้าจากเกวียนเกลืออย่างดี ให้อาหารชั้นดี ใช้เวลาเพียงไม่นาน ม้าตัวนี้ก็กลับคืนสู่ลักษณะของสุดยอดอาชาม้าศึก

เมื่อมันถูกฝึกฝนอย่างดีเยี่ยม ท่านอ๋องขึ้นขี่มัน เพียงใช้แส้กระตุ้นเบา ๆ ม้าตัวที่เคยทึ่มทื่อ กลับพุ่งทะยานห้อไปมากกว่าร้อยลี้

และแน่นอนว่าม้าตัวนี้ได้กลายเป็นม้าศึกคู่กายของท่านอ๋อง และรัฐฉู่

ป๋อเล่อที่เคยถูกหยันเมื่อนำม้าลากเกวียนเกลือมาถวาย กลายเป็นขุนพลที่ได้รับการนับถือ-ยอมรับดังเดิม

พรรคเพื่อไทยที่ใช้อาชาป่วย-อิดโรยมาตลอดหลังเลือกตั้ง จึงถึงยุคเดินทางออกหาม้าศึกอีกครั้ง

หวังจะมีขุนพลแบบ “ป๋อเล่อ” ผู้มีสายตาแหลมคม คัดสรร ยอดอาชาศึก ทะยานห้อสู่ลานรัฐสภา สู้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

และให้ท่านอ๋อง-เพื่อไทยใช้ควบไปสู่ศึกใหญ่ ไปเลือกตั้งครั้งหน้า