ตลาดโลกเบนซ์ยัง ‘แชมป์’

คอลัมน์ชั้น 5 ประชาชาติ
อมร พวงงาม

สัปดาห์ที่แล้ว ทั้งค่ายดาวสามแฉก และค่ายใบพัดสีฟ้า ดาหน้ากันออกมาแถลงถึงทิศทางการทำตลาดในปี 2564

แต่ดูจากไทมิ่ง เช่น การคลอดรถใหม่และวันเวลาให้ข้อมูลกับสื่อ แบรนด์เบนซ์ยังเป็นรองอยู่นิด ๆ

บีเอ็มดับเบิลยูเลือกแนะนำซีรีส์ 5 ใหม่ ผ่านระบบไลฟ์สตรีมมิ่ง เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม 2564 และจัดงานแถลงผลประกอบการตัดหน้าเบนซ์ 2 วัน

เรียกว่าทุกอีเวนต์ เบนซ์ก็ยังตามหลังอยู่เหมือนกับปี 2563 ซึ่งยอดขายรถเบนซ์วิ่งไล่ไม่ทันบีเอ็มดับเบิลยู

ไม่รู้ไปได้เคล็ดลับอะไรมารึเปล่า ? จึงทำให้เชื่อว่าเร็วกว่าจะชนะ

แต่อย่าเพิ่งรีบไปตัดสินเลยครับ เพราะนี่แค่เริ่มกดปุ่มสตาร์ต คงต้องดูกันยาว ๆ

ที่น่าสนใจผมว่า ไปเจาะลึกถึงแผนงานของแต่ละแบรนด์ดีกว่า

เริ่มจากค่ายใบพัดสีฟ้าก่อนครับ

“อเล็กซานเดอร์ บารากา” ประธานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ไทยแลนด์

บอกว่า ปีนี้เขาจะสานต่อความสำเร็จ ตัวเลขขายปีที่แล้วทำได้ 12,426 คัน และจะพยายามรักษาแชมป์ไว้อย่างเหนียวแน่น

หลัก ๆ เขาจะใช้ยุทธการ 2P เป็นหัวหอกในการทำตลาด P แรกคือ โปรดักต์, P ที่ 2 คือ ไพรซ์

เขายกตัวอย่างโปรดักต์ว่าพร้อม 5 รุ่น เริ่มจาก X7 ซีเคดี ราคาถูกกว่าตัวนำเข้า 3 ล้านบาท

ตามมาด้วยซีรีส์ 3 รุ่นฐานล้อยาวครั้งแรก 330Li ตัวนี้นำเข้าจากมาเลย์ ได้เอฟทีเอ 2.9 ล้านบาท

มีแบรนด์มินิ อีก 2 ตัว คูเปอร์ เอส และคูเปอร์ เอส คันทรีแมน

และเสริมความสปอร์ตเร้าใจเทียบชั้นรถแข่งด้วย จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ GP Inspired Edition

ที่เหลือเป็น บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด R 18 Classic First Edition รถตระกูลทัวริ่งครูสเซอร์

ส่วน P ที่ 2 ก็จัดทำโปรแกรมต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูง่ายขึ้น เช่น BMW FREEDOM CHOICE ทางเลือกทางการเงินที่หลากหลาย

“บารากา” บอกว่า แค่ 2 เรื่องนี้ รวมทั้งความแข็งแกร่งของเหล่าดีลเลอร์

โดยเฉพาะหัวหอกสำคัญอย่าง มิลเลนเนียม ออโต, เพอร์ฟอร์มานซ์, ยูโรป้า, บาร์เซโลน่า น่าจะเอาอยู่

นี่ยังไม่รวมรถยนต์กลุ่มสมรรถนะสูง “เอ็มสปอร์ต ซีเคดี” ที่พร้อมจะถล่มต้นเดือนมีนาคมนี้ อีกชุดใหญ่

ส่วนฟากเมอร์เซเดส-เบนซ์ แม้จะทำทุกอย่างช้า แต่ได้สรุปบทเรียนของปีที่แล้วเรียบร้อย

ยืนยันว่าปีนี้ น่าจะทวงแชมป์คืนได้แน่

“โรลันด์ โฟล์เกอร์” ซีอีโอเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยอมรับว่า ปี 2563 กระแสโควิดรุนแรงมาก ทำกระบวนการซัพพลายเชนเป๋ไปมาก ขาดรถกลุ่มคอมแพ็กต์ที่จะมาช่วยปั๊มตัวเลข

ยอมรับเต็มปากว่า “พลาดท่า แต่ไม่พลาดเป้า” เพราะตัวเลขยอดขายรวม 10,600 คัน แม้จะตามหลังบีเอ็มดับเบิลยูแต่เป็นตัวเลขตามเป้าที่ได้ตกลงไว้กับบริษัทแม่

ส่วนปีนี้แก้ปัญหาหลาย ๆ อย่างลงตัวหมดแล้ว รถใหม่พร้อม เฉพาะครึ่งปีแรกจ้องถล่มมากถึง 15 รุ่น ทั้งโมเดลเชนจ์และไมเนอร์เชนจ์

เช่น อี-คลาสใหม่ มาครบทั้งเบนซิน, ดีเซล และปลั๊ก-อิน ไฮบริด, จีแอลเอ และซีแอลเอ เอเอ็มจี 35

ผลงานด้านเซอร์วิสโดดเด่นมาก

บริการหลังการขายทำรายได้ทะลุเป้า

ทั้งยอดขายน้ำมันเครื่อง (MB Oil) โตขึ้น 14.4%

รายได้จากอู่สี โตขึ้น 24.4%

ยอดขายยาง (MB Tire) โตก้าวกระโดดถึง 260.8%

เหล่านี้ถือเป็นผลงานล้วน ๆ ซึ่งบริษัทแม่แฮปปี้มาก

และที่หลายคนเป็นห่วง เรื่องดีลเลอร์เทเม็ดเงินลงทุนกันเยอะไป

ปีนี้ประกาศชัดว่าจะไม่เพิ่ม “ออโตเฮาส์” หรือดีลเลอร์ที่มีครบ ทั้งเซลส์ เซอร์วิส สแปร์พาร์ต

แต่จะหันไปบุก “ออโตไลต์ เซอร์วิส เซ็นเตอร์” ซึ่งทำหน้าที่เฉพาะเซอร์วิสอย่างเดียว ตั้งเป้าถึงสิ้นปีครบ 6 แห่ง

ที่น่าเสียดายอีกอย่าง คือ ปีนี้ไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าขาย เพราะเบนซ์มองว่า อินฟราสตรักเจอร์ต่าง ๆ ในบ้านเรา ยังไม่พร้อม แต่ยืนยันว่าประเทศไทยต้องมีไลน์ผลิตรถอีวีแน่นอน

และอีกเรื่องที่ไม่ยอมเสียฟอร์มเด็ดขาด นั่นก็คือ

ปี 2563 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังเป็นผู้นำในเซ็กเมนต์พรีเมี่ยมคาร์

ด้วยยอดขายทั่วโลกมากกว่า 2 ล้านคัน ติดต่อกันเป็นปีที่ 5

บ้านเราแพ้ครับ…แต่ขายทั่วโลกไม่แพ้