“เสี่ยวหมี่” Newcomer

(File Photo by - / AFP) / China OUT
คอลัมน์ สามัญสำนึก
ดิษนีย์ นาคเจริญ

การจะแทรกตัวขึ้นมาในธุรกิจที่มีการแข่งขันรุนแรง และเต็มไปด้วยผู้เล่นที่แข็งแกร่งมาก ๆ แม้ไม่ง่ายแต่ก็ใช่ว่าจะ “เป็นไปไม่ได้” หากต้องแลกมาด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่แตกต่างไปจากคู่แข่งรายเดิม ๆ ที่มีอยู่ในตลาด

“เสี่ยวหมี่” เป็นหนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนน้องใหม่ที่เบียดขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าได้อย่างน่าจับตา แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนก็อาจไม่ตรงนัก เพราะในพอร์ตสินค้าของเสี่ยวหมี่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายมาก ๆ ตั้งแต่กระเป๋าใส่แล็ปทอป, พัดลม, แปรงสีฟันไฟฟ้า, หม้อหุงข้าว, สมาร์ทวอตช์ ยัน “สมาร์ทโฟน”

11 ปีก่อน “เสี่ยวหมี่” ได้รับการขนานนามว่าเป็น “บริษัทแอปเปิลของจีน” จากการผสมผสานความโดดเด่นด้านนวัตกรรมและดีไซน์เรียบหรูดูดีในแบบ “แอปเปิล” เข้ากับการวาง “ราคา” สไตล์สินค้าจีนที่ไม่แพง ทำให้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ง่าย รวมเข้าด้วยกันกับการบุกเบิกสร้างแบรนด์และการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์จนสามารถก่อร่างสร้างความสำเร็จขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

“คามัล เหลียง” ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสี่ยวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่า “เราให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมามีการลงทุนไปกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนผ่านผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ออกมา”

และว่าสิ่งที่ทำให้ “เสี่ยวหมี่” สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วได้มาจาก 1.การมีสินค้าที่ดีมีคุณภาพ 2.ในราคาที่เป็นจริงจับต้องได้ และ 3.การมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น

“เราให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า เมื่อมีผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมก็จะช่วยให้เกิดแรงส่งแบบปากต่อปาก เมื่อผู้ใช้หรือลูกค้าแปรเปลี่ยนมาเป็นแฟนคลับ”

จุดขายจุดแข็งที่ชัดเจนข้างต้น ทำให้ “เสี่ยวหมี่” ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคจำนวนมากอย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนปัจจุบันมีการทำตลาดในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก และขึ้นเป็นท็อปไฟฟ์ใน 54 ประเทศ ท็อปทรีใน 36 ประเทศ และอันดับ 1 ใน 10 ประเทศรวมถึงสเปน ทำให้ในปีที่ผ่านมาสามารถขยับขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 3 ของโลก แซงหน้า “แอปเปิล” ไปแล้วเรียบร้อย ทั้งปีก่อนหน้านี้ยังได้รับการจัดอันดับใน Fortune Global 500 ในอันดับที่ 422 ไต่ขึ้นมา 46 อันดับจากปีก่อน

สำหรับในประเทศไทย “เสี่ยวหมี่” เปิดตัวต้นปีด้วยการเปิดสมาร์ทโฟน 5G รุ่นใหม่ Mi 11 รองรับเทคโนโลยีแบบจัดเต็ม ย้ำความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ตั้งแต่ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 888 รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมชุดกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดถึง 108 ล้านพิกเซล ระบบบันทึกเสียงแบบภาพยนตร์จากเครื่องเสียงแบรนด์ดัง Harman Kardon พร้อมดีไซน์พรีเมี่ยม

ทำให้เครื่องรุ่นนี้เปรียบได้กับโรงถ่ายภาพยนตร์ในมือ (ถือ) ด้วยระดับราคา 2 หมื่นต้น ๆ

เทียบสเป็กระดับนี้กับแบรนด์อื่น ๆ ถือว่า “ราคาดี” (มาก)

ไม่เฉพาะ Mi 11 ที่ถือเป็นสินค้ารุ่นเรือธงตัวแรกของปีนี้ แต่ในไทม์ไลน์จะมีสมาร์ทโฟน 5G อีกหลายรุ่นทุกระดับราคาเข้ามาทำตลาดต่อเนื่อง พร้อมไปกับผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์

และในปีนี้จะเพิ่มงบด้านการตลาดให้มากขึ้นอีกกว่าเท่าตัว เพื่อสร้างฐานแฟนคลับต่อเนื่อง รวมถึงขยายจุดบริการและช่องทางการกระจายสินค้า โดยจะเปิด Mi Shop เพิ่มเป็น 100 แห่ง จากที่มีแล้ว 30 แห่ง เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายจาก 4,000 แห่งเป็น 8,000 แห่ง กับเป้าหมายขึ้นเป็น 1 ใน 3 ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยโดยเร็วที่สุด

ความสำเร็จของเสียวหมี่ช่วยตอกย้ำว่ามีโอกาสสำหรับผู้มาใหม่เสมอ ถ้ามุ่งมั่นตั้งใจจริง