คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ อำนาจ ประชาชาติ
ไม่รู้ว่าทำไมก่อนจะถึงช่วงวันหยุดยาว มีอันต้องเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ปะทุรุนแรงขึ้นทุกที
ก่อนวันหยุดปีใหม่ ก็เกิด “คลัสเตอร์สมุทรสาคร”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
มาล่าสุด ก่อนจะหยุดเทศกาลสงกรานต์ ก็เกิด “คลัสเตอร์ใหม่” ขึ้นในหลายจุด โดยเฉพาะจากสถานบันเทิงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ทำท่าจะส่งต่อเชื้อลุกลามไปทั่ว
ทำเอาผวากันไปหมด
บรรยากาศความกังวลกลับมาปกคลุมประเทศไทยอีกรอบ หลังจากเพิ่งคลายความกังวลจากระลอกก่อนหน้าไปได้พักหนึ่ง จนรัฐบาลเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
บรรดาภาคเอกชน ห้างร้านต่าง ๆ ก็เริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจกันคึกคักขึ้น
จนตัวเลขตัวชี้วัดทางด้านเศรษฐกิจ เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สะท้อนว่า “ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น”
ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคภาคเอกชน ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก 3.4% จากเดือนก่อนหน้าหดตัว -3.6% ฟื้นตัวในทุกหมวดการใช้จ่าย ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนก็กลับมาเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 0.8% จากเดือนก่อนหน้าหดตัว -0.6%
ส่วนการส่งออกหากไม่รวมทองคำ ก็พบว่าขยายตัวได้ 7% และการนำเข้าขยายตัวสูงถึง 23.9% เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว -6.9% สะท้อนว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมา
ทว่า สุดท้ายแล้ว ก็ต้องมาหงอยเหงากันไปอีก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลกันไว้อยู่แล้ว และเข้าใจกันดีว่า การเกิด “คลัสเตอร์ใหม่” มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากประเทศไทยยังไม่สามารถ “สร้างภูมิคุ้มกันหมู่” ขึ้นมาได้
ทั้งนี้ การจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ก็ต้องเร่งกระจายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ทั่วถึง เหมือนอย่างที่หลายประเทศในโลกกำลังดำเนินการกัน
แต่ดูเหมือนรัฐบาลไทยจะค่อนข้างใจเย็น ไม่ได้เร่งรีบสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เห็นได้จากการฉีดวัคซีนที่ดำเนินการไปค่อนข้างล่าช้า
ล่าสุด กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะโตได้ 6% สูงกว่าเดิมที่เคยประเมินเมื่อตอนเดือนมกราคมที่คาดว่าจะโต 5.5% ซึ่งมาจากนโยบายของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ทุ่มเม็ดเงินมหาศาลลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจ สู้กับ “วิกฤตโควิด”
ส่วนเศรษฐกิจไทย รัฐบาลตั้งความหวัง “อยากจะ” โตให้ได้ 4% จากที่หน่วยงานด้านเศรษฐกิจประเมินกันไว้ต่ำกว่านั้น
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ก็ให้ความเห็นว่า หากประเทศไทยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล่าช้ากว่าประเทศอื่น ๆ จะทำให้เสียโอกาสในการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ
โดยธนาคารกสิกรไทยประเมินด้วยว่า สถานการณ์ขณะนี้มีแนวโน้มว่า ประเทศไทยจะไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ทันในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
หากประเมินจากสถานการณ์ “คลัสเตอร์ใหม่” ที่ผุดขึ้นเรื่อย ๆ ดูแล้ว เศรษฐกิจไทยที่หวังจะกลับมาเติบโตให้ได้ในระดับศักยภาพ คง “ฝันสลาย” และต้องรอไปก่อน
อาจจะเป็นปีหน้า หรืออาจจะยาวกว่านั้น ก็ขึ้นกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารประเทศ และคนไทยที่จะต้องร่วมมือกันมากขึ้น